​เบนเซม่า: ถ้าพอใจกับความธรรมดา ก็อย่าทำเลยดีกว่า

วันที่ 3 มีนาคม – เบนเซม่าให้สัมภาษณ์ในรายการ "เพื่อนของเอดู" กับพิธีกร เอดู อากีร์เร โดยเขาได้ย้อนรำลึกถึงช่วงเวลาในเรอัล มาดริด และพูดถึงชีวิตปัจจุบันในซาอุดิอาระเบีย

ชีวิตในซาอุดิอาระเบีย

เบนเซม่า: "ผมใช้ชีวิตอย่างสงบที่นี่ ถึงแม้จะเทียบกับเรอัล มาดริดไม่ได้ แต่ก็ยังต้องมุ่งมั่นเพื่อชัยชนะอยู่เสมอ ระดับของลีกก็พัฒนาขึ้นทุกปี การคว้าแชมป์คือเป้าหมายที่ต้องทำให้สำเร็จ ผมรู้สึกได้ถึงความรักจากผู้คนเสมอ แม้แต่ตอนที่ผมมาเยือนที่นี่กับเรอัล มาดริด เรามีทีมและโค้ชที่ยอดเยี่ยม"

กิจวัตรประจำวัน

เบนเซม่า: "กิจวัตรของผมคล้ายกับตอนที่อยู่มาดริด ตื่นเช้ามาออกกำลังกายที่ยิมในบ้าน ตอนบ่ายซ้อมกับทีม และบางครั้งก็ออกไปทานอาหารข้างนอกหรือไปชายหาดตอนเย็น ที่นี่คุณไม่สามารถเดินเล่นได้อย่างอิสระ เพราะผู้คนคลั่งไคล้ฟุตบอลมาก ผมยังคงรักษาวินัยแบบเดียวกับตอนที่อยู่เรอัล มาดริด"

วินิซิอุส

เบนเซม่า: "เขาคือผู้เล่นคนสำคัญที่ทำให้เราคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลที่แล้ว ผมมักจะนั่งดูเขาเล่นทางทีวี และเห็นว่าเขามีพรสวรรค์ที่นักเตะระดับท็อปเท่านั้นที่จะมี เมื่อเขาไม่ได้รับรางวัลบัลลงดอร์ ผมส่งข้อความไปปลอบใจเขา ผมรู้สึกได้ถึงความผิดหวังของเขา"

เอ็มบัปเป้

เบนเซม่า: "สถานการณ์ของเขาแตกต่างจากผมตอนนั้น ผมย้ายมาร่วมทีมเรอัล มาดริดตอนอายุ 21 ปี ส่วนเขามาตอนอายุ 25 ปี เขารู้ดีว่าที่เบร์นาเบว หากคุณทำผิดพลาด คุณจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ เพราะสโมสรดึงตัวคุณมาเพียงเพื่อทำประตู ความกดดันที่นั่นมันบ้าคลั่งมาก"

ทำไมถึงออกจากเรอัล มาดริด?

เบนเซม่า: "ผมคว้าแชมป์มาหมดแล้ว ผมเริ่มต้นจากการเป็นเด็ก และจากไปในฐานะผู้ชาย ผมจากไปพร้อมกับถ้วยรางวัลทั้งหมดและบัลลงดอร์ ผมอยากจะอำลาในช่วงที่ฟอร์มยังพีค ไม่มีใครรู้ว่าฤดูกาลหน้าจะเป็นอย่างไร สำหรับผม เรอัล มาดริดคือสโมสรที่ดีที่สุดในโลก ผมไม่อยากย้ายไปร่วมทีมอย่างปารีสหรือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่อาจเป็นคู่แข่งของเรอัล มาดริด"

ช่วงแรกในเรอัล มาดริด

เบนเซม่า: "ช่วงเวลานั้นยากลำบากมาก ผมมาจากสังคมชั้นล่าง ไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในมาดริด ถ้าผมยอมแพ้ตอนนั้น ผมคงล้มเหลวไปแล้ว แต่ผมมีพรสวรรค์ ตอนหนุ่มๆ เป็นเรื่องยากที่จะรับมือกับคำวิจารณ์จากภายนอก ผู้คนไม่เข้าใจความอ่อนหัดของผม อุปสรรคทางด้านภาษา และความเหงาที่ต้องห่างจากครอบครัว ที่เรอัล มาดริด คุณถูกบังคับให้สร้างความแข็งแกร่งทางจิตใจอย่างรวดเร็ว ทุกวันนี้คำวิจารณ์เหล่านั้นทำให้ผมขำเท่านั้น"

รางวัลบัลลงดอร์

เบนเซม่า: "ผมไม่เคยหยุดใฝ่ฝันถึงบัลลงดอร์ ปีก่อนที่ผมจะได้รับรางวัล ผมอยู่อันดับที่สี่ ซึ่งยิ่งทำให้ผมมุ่งมั่นมากขึ้น เมื่อเร็วๆ นี้ที่มาดริด ผมได้พบกับฟลอเรนติโน เปเรซ พูดถึงเรื่องการเซ็นสัญญา: ตอนนั้นผมอยู่ที่ลียง พ่อโทรมาบอกให้ผมรีบกลับบ้าน ทันทีที่เปิดประตูบ้าน ผมเห็นฟลอเรนติโน สิ่งที่ผมคิดคือตำนานการเซ็นสัญญากับซีดานและการสร้าง "กาลาคติกอส" เขาให้สัญญากับพ่อของผมว่า: "ตราบใดที่ผมยังคุมเรอัล มาดริด เบนเซม่าจะอยู่ที่นี่" เมื่อผมตัดสินใจย้ายทีม เขาคือคนแรกที่ผมโทรหา เขาไม่ค่อยเข้าใจการตัดสินใจของผม แต่ผมบอกเขาว่า: เด็กๆ (วินิซิอุส, โรดรีโก...) พร้อมแล้ว"

เกี่ยวกับลูกชาย

เบนเซม่า: "ลูกชายวัย 7 ขวบของผมมีพรสวรรค์ด้านฟุตบอลมาก และใฝ่ฝันที่จะเป็น "คาริมคนต่อไป" ผมหวังว่าเขาจะเข้าใจกีฬานี้อย่างแท้จริง หากเขาอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เขาต้องตั้งมาตรฐานตัวเองให้สูงแบบซูเปอร์สตาร์ แต่ถ้าพอใจกับความธรรมดา ก็อย่าทำเลยดีกว่า"

แผนการหลังแขวนสตั๊ด

เบนเซม่า: "ผมไม่แน่ใจว่าจะไปเป็นโค้ชหรือไม่ มันซับซ้อนกว่าการเล่นฟุตบอลมาก แต่หลังจากเลิกเล่น ผมจะยังคงวนเวียนอยู่ในวงการฟุตบอลแน่นอน ผมหวังว่าจะได้อยู่เคียงข้างฟลอเรนติโน เปเรซ เสมอ"