TA แฉสาเหตุ! "เวิร์ตซ์" ฟอร์มวูบกับหงส์แดง ชี้ทีม "ขาดการคุมเกม" เทียบชั้นเยอรมนีไม่ได้
ในเกมที่เยอรมนีถล่มสโลวาเกีย 6-0 สองแอสซิสต์ที่เวียร์ทซ์จ่ายให้ซาเน่เป็นจังหวะที่ยอดเยี่ยมมาก ซึ่งถือเป็นฟอร์มที่โดดเด่นไม่กี่ครั้งของเขาในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลเองก็รู้ดีว่าเขามีความสามารถระดับนี้ แต่ยังไม่ได้เห็นฟอร์มแบบนั้นในเวทีพรีเมียร์ลีก
ในช่วงห้าวันก่อนที่จะไปเข้าแคมป์กับทีมชาติเยอรมนี เวียร์ทซ์ได้สัมผัสด้วยตัวเองว่ากระแสความคิดเห็นในวงการฟุตบอลอังกฤษเปลี่ยนไปเร็วแค่ไหน ในเกมยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกที่ลิเวอร์พูลชนะเรอัลมาดริด 1-0 ผลงานของเขาถือว่าดีที่สุดในฤดูกาลนี้ แต่ถัดมาในเกมพรีเมียร์ลีกที่แพ้แมนเชสเตอร์ซิตี้ 0-3 เขากลับหายไปจากเกมและถูกนักวิจารณ์รุ่นเก๋าอย่าง แกรี่ เนวิลล์ วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
นี่คือภาพรวมสั้นๆ นับตั้งแต่เขาย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูล: โดดเด่นในแชมเปียนส์ลีก แต่มีปัญหาในพรีเมียร์ลีก
การที่นาเกลส์มันน์ออกมาปกป้องเวียร์ทซ์ตั้งแต่เริ่มโปรแกรมทีมชาติ ทำให้การพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นนี้ยังคงดำเนินต่อไป การแข่งขันระดับชาติไม่ได้ทำให้เวียร์ทซ์หลุดพ้นจากสปอตไลท์ของฟุตบอลอังกฤษ
คำพูดของนาเกลส์มันน์เข้าใจได้ง่าย คือเขาพยายามที่จะเบี่ยงเบนความสนใจเพื่อให้เวียร์ทซ์อยู่ในสภาพที่ดีที่สุดสำหรับการลงเล่นในทีมชาติ กุนซือทีมชาติเยอรมนีกล่าวว่า เพื่อนร่วมทีมลิเวอร์พูลของเวียร์ทซ์ “ควรคว้าโอกาสที่เขาได้สร้างสรรค์ขึ้นมาและให้การสนับสนุนเขา” คำพูดนี้อาจทำให้ฝ่ายลิเวอร์พูลรู้สึกสับสนเล็กน้อย เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องที่นาเกลส์มันน์ต้องกังวล
สองเกมที่พบกับลักเซมเบิร์กและสโลวาเกียเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างความมั่นใจให้กับเวียร์ทซ์ เนื่องจากหงส์แดงกำลังจะเข้าสู่โปรแกรมช่วงฤดูหนาวที่หนักและสำคัญอย่างยิ่ง
นับตั้งแต่ลงเล่นเป็นตัวสำรองในเกมที่ลิเวอร์พูลชนะเอฟเวอร์ตันช่วงปลายเดือนกันยายน จังหวะการลงสนามของเวียร์ทซ์ก็ขาดความสม่ำเสมอ: บางครั้งเป็นตัวจริง บางครั้งเป็นตัวสำรอง และยังเล่นในตำแหน่งที่แตกต่างกันหลายตำแหน่ง หลังจากที่ลิเวอร์พูลให้เวียร์ทซ์เล่นปีกซ้ายติดต่อกันสองนัด นาเกลส์มันน์ก็ให้เขาเล่นในบทบาทที่คล้ายกันในเกมรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกทั้งสองนัด
ที่ทางฝั่งซ้ายนี่เองที่ เวียร์ทซ์ กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่เก่งกาจที่สุดในบุนเดสลีกาภายใต้การคุมทีมของ ชาบี อลอนโซ่ และหลังจากย้ายมาอยู่กับลิเวอร์พูล ความคิดสร้างสรรค์ของเขาก็ถูกแสดงออกมาในพื้นที่นี้เป็นส่วนใหญ่เช่นกัน จากแผนภาพการสร้างโอกาสจะเห็นได้ว่า การจ่ายบอลอันตรายส่วนใหญ่ของเวียร์ทซ์มาจากทั้งตรงกลางและทางซ้าย
ในเกมกับลักเซมเบิร์ก เวียร์ทซ์มีอิทธิพลจำกัด แต่การจ่ายบอลให้ซาเน่ของเขาก็เป็นจุดเริ่มต้นของการทำประตูที่สองของเยอรมนี ในเกมกับสโลวาเกียฟอร์มของเขาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เวียร์ทซ์คุมเกมตามจังหวะของตัวเองได้ตลอดทั้งเกม ทุกจังหวะสัมผัสบอลเต็มไปด้วยพลัง ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดหายไปจากเกมก่อนหน้า
ทีมชาติเยอรมนีชุดนี้ยังขาด ฮาแวร์ตซ์ และ มูเซียล่า และ นาเกลส์มันน์ ก็ชอบระบบการเล่นแบบ “ดับเบิ้ล 10” (เวียร์ทซ์และมูเซียล่า) แม้ว่าเวียร์ทซ์จะได้รับอนุญาตให้เคลื่อนที่ได้อย่างอิสระจากทางซ้าย แต่เขาก็ต้องการเวลาปรับตัวเข้ากับบทบาทนี้มากกว่ามูเซียล่า ก่อนเกมกับลักเซมเบิร์ก นาเกลส์มันน์กล่าวว่า “สภาพทีมของลิเวอร์พูลปีนี้ไม่คงที่เท่าปีที่แล้ว ทำให้การปรับตัวเข้ากับทีมชุดปัจจุบันยากขึ้นมาก”
แต่ปัญหาสำคัญที่เวียร์ทซ์ต้องเผชิญคือ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะ “ปรับตัวได้อย่างง่ายดาย” เมื่อคุณย้ายมาด้วยค่าตัวมหาศาล ถูกคาดหวังให้เล่นในตำแหน่ง เบอร์ 10 (ซึ่งเป็นบทบาทสำคัญในระบบของสล็อต) และต้องทำลายแผงกองกลางชุดแชมป์และสร้างสมดุลเกมรุก-รับของทีมขึ้นมาใหม่ ผู้คนต่างคาดหวังให้คุณกลายเป็นแกนหลักของทีมตั้งแต่เริ่มต้น
ในเกมกับลักเซมเบิร์ก เวียร์ทซ์มีอิทธิพลจำกัด แต่การจ่ายบอลให้ซาเน่ของเขาก็เป็นจุดเริ่มต้นของการทำประตูที่สองของเยอรมนี ในเกมกับสโลวาเกียฟอร์มของเขาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เวียร์ทซ์คุมเกมตามจังหวะของตัวเองได้ตลอดทั้งเกม ทุกจังหวะสัมผัสบอลเต็มไปด้วยพลัง ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดหายไปจากเกมก่อนหน้า
ทีมชาติเยอรมนีชุดนี้ยังขาด ฮาแวร์ตซ์ และ มูเซียล่า และ นาเกลส์มันน์ ก็ชอบระบบการเล่นแบบ “ดับเบิ้ล 10” (เวียร์ทซ์และมูเซียล่า) แม้ว่าเวียร์ทซ์จะได้รับอนุญาตให้เคลื่อนที่ได้อย่างอิสระจากทางซ้าย แต่เขาก็ต้องการเวลาปรับตัวเข้ากับบทบาทนี้มากกว่ามูเซียล่า ก่อนเกมกับลักเซมเบิร์ก นาเกลส์มันน์กล่าวว่า “สภาพทีมของลิเวอร์พูลปีนี้ไม่คงที่เท่าปีที่แล้ว ทำให้การปรับตัวเข้ากับทีมชุดปัจจุบันยากขึ้นมาก”
แต่ปัญหาสำคัญที่เวียร์ทซ์ต้องเผชิญคือ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะ “ปรับตัวได้อย่างง่ายดาย” เมื่อคุณย้ายมาด้วยค่าตัวมหาศาล ถูกคาดหวังให้เล่นในตำแหน่ง เบอร์ 10 (ซึ่งเป็นบทบาทสำคัญในระบบของสล็อต) และต้องทำลายแผงกองกลางชุดแชมป์และสร้างสมดุลเกมรุก-รับของทีมขึ้นมาใหม่ ผู้คนต่างคาดหวังให้คุณกลายเป็นแกนหลักของทีมตั้งแต่เริ่มต้น
การจะแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของเขาไม่ได้ขึ้นอยู่กับการมีส่วนร่วมโดยตรงกับประตูเสมอไป แม้ว่าเวียร์ตซ์ยังต้องพยายามปรับตัวให้เข้ากับจังหวะและความเข้มข้นของพรีเมียร์ลีก แต่ 'มันสมอง' ในการเล่นฟุตบอลของเขาก็ยังเหนือกว่าผู้เล่นส่วนใหญ่มาก
การเล่นของเขาในนามทีมชาติเยอรมนีเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน ทุกครั้งที่เวียร์ตซ์ได้บอล เขาจะส่งต่อไปให้เพื่อนร่วมทีมได้อย่างรวดเร็ว เพื่อนร่วมทีมที่อยู่ใกล้เขามีการประสานงานที่ลื่นไหลและเข้าใจกันอย่างลงตัว ซึ่งเป็นความเข้าใจที่สั่งสมมาจากการฝึกซ้อมร่วมกันหลายปี แต่นี่คือสิ่งที่เขายังคงต้องสร้างขึ้นในลิเวอร์พูล ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเล่นในตำแหน่งที่ไม่คุ้นเคย นี่ต้องใช้เวลา แต่ในวงการฟุตบอลระดับสูงมักจะขาดความอดทนเสมอ
ถึงแม้ว่าบางครั้งเพื่อนร่วมทีมอาจเปลี่ยนโอกาสที่เขาสร้างขึ้นมาเป็นประตูไม่ได้ แต่ลิเวอร์พูลชุดนี้รวมถึงผู้เล่นหลายคนต่างก็โชว์ฟอร์มได้ไม่ดีนักเมื่อทีมโดยรวมขาดการควบคุม สถานการณ์เช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อการแสดงความสามารถพิเศษของเวียร์ตซ์อย่างแน่นอน
เกมที่เยอรมนีชนะลักเซมเบิร์ก 2-0 ในครึ่งแรกทีมเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด เวียร์ตซ์มีจังหวะที่โดดเด่นบ้างแต่ก็ยากที่จะกำหนดทิศทางของเกมได้ ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับครึ่งแรกของเกมที่พบกับสโลวาเกีย ที่เยอรมนีสามารถควบคุมสถานการณ์และเวียร์ตซ์เป็นผู้กำหนดจังหวะการเล่น
โปรแกรมการแข่งขันต่อไปของลิเวอร์พูลดูเหมือนจะเป็นโอกาสที่ดี โดยจะมี 4 นัดที่ต้องเจอกับทีมท้ายตาราง 3 ทีม การแข่งขันแบบนี้เป็นสถานการณ์ที่ลิเวอร์พูลคาดหวังว่าเวียร์ตซ์จะฉายแววได้ดีเมื่อครั้งที่เซ็นสัญญาดึงตัวเขามาร่วมทีม
เขาต้องการให้เพื่อนร่วมทีมควบคุมจังหวะของเกม แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องแสดงบทบาทที่เหมาะสมของตัวเองออกมาด้วย ดังที่เขาได้แสดงให้เห็นในสองเกมกับทีมชาติเยอรมนี
การเล่นของเขาในนามทีมชาติเยอรมนีเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน ทุกครั้งที่เวียร์ตซ์ได้บอล เขาจะส่งต่อไปให้เพื่อนร่วมทีมได้อย่างรวดเร็ว เพื่อนร่วมทีมที่อยู่ใกล้เขามีการประสานงานที่ลื่นไหลและเข้าใจกันอย่างลงตัว ซึ่งเป็นความเข้าใจที่สั่งสมมาจากการฝึกซ้อมร่วมกันหลายปี แต่นี่คือสิ่งที่เขายังคงต้องสร้างขึ้นในลิเวอร์พูล ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเล่นในตำแหน่งที่ไม่คุ้นเคย นี่ต้องใช้เวลา แต่ในวงการฟุตบอลระดับสูงมักจะขาดความอดทนเสมอ
ถึงแม้ว่าบางครั้งเพื่อนร่วมทีมอาจเปลี่ยนโอกาสที่เขาสร้างขึ้นมาเป็นประตูไม่ได้ แต่ลิเวอร์พูลชุดนี้รวมถึงผู้เล่นหลายคนต่างก็โชว์ฟอร์มได้ไม่ดีนักเมื่อทีมโดยรวมขาดการควบคุม สถานการณ์เช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อการแสดงความสามารถพิเศษของเวียร์ตซ์อย่างแน่นอน
เกมที่เยอรมนีชนะลักเซมเบิร์ก 2-0 ในครึ่งแรกทีมเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด เวียร์ตซ์มีจังหวะที่โดดเด่นบ้างแต่ก็ยากที่จะกำหนดทิศทางของเกมได้ ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับครึ่งแรกของเกมที่พบกับสโลวาเกีย ที่เยอรมนีสามารถควบคุมสถานการณ์และเวียร์ตซ์เป็นผู้กำหนดจังหวะการเล่น
โปรแกรมการแข่งขันต่อไปของลิเวอร์พูลดูเหมือนจะเป็นโอกาสที่ดี โดยจะมี 4 นัดที่ต้องเจอกับทีมท้ายตาราง 3 ทีม การแข่งขันแบบนี้เป็นสถานการณ์ที่ลิเวอร์พูลคาดหวังว่าเวียร์ตซ์จะฉายแววได้ดีเมื่อครั้งที่เซ็นสัญญาดึงตัวเขามาร่วมทีม
เขาต้องการให้เพื่อนร่วมทีมควบคุมจังหวะของเกม แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องแสดงบทบาทที่เหมาะสมของตัวเองออกมาด้วย ดังที่เขาได้แสดงให้เห็นในสองเกมกับทีมชาติเยอรมนี
โพสต์ฮอต
-
พรีวิวฟุตบอล ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนยุโรป: สเปน vs ตุรกี -
วิเคราะห์บอล【เอเชียน คัพ】ศรีลังกา VS ไทย -
พรีวิวฟุตบอล ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนยุโรป: เยอรมนี vs สโลวาเกีย -
วิเคราะห์บอล【เอเชียน คัพ】เนปาล VS มาเลเซีย -
วิเคราะห์บอล【อาร์เจนติน่า พรีเมียร์ดิวิชั่น】ซีเอ พลาเทนเซ่ VS กิมนาเซีย ลา พลาต้า -
พรีวิวฟุตบอล ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนยุโรป: มอนเตเนโกร vs โครเอเชีย
