ย้อนรอยขุนพล 'กระทิงดุ' แชมป์โลก 2010 ปัจจุบันพวกเขาอยู่ที่ไหน?

ในช่วงเวลาที่สโมสรบาร์เซโลนากำลังครองความยิ่งใหญ่ในระดับสโมสร ทีมชาติสเปน หรือ 'กระทิงดุ' ก็ได้ก้าวขึ้นไปครองบัลลังก์แชมป์โลกได้สำเร็จในปี 2010 และกลายเป็นทีมแรกนับตั้งแต่เยอรมนีในปี 1974 ที่สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกและแชมป์ยุโรปมาครองได้ในเวลาเดียวกัน หลังจากยุติการรอคอยถ้วยรางวัลระดับนานาชาติที่ยาวนานถึง 44 ปีในศึกยูโร 2008

ก่อนหน้านี้ ทีมชาติสเปนไม่เคยคว้าแชมป์โลกได้เลย และถูกมองว่าเป็นทีมที่มักจะไปไม่ถึงฝันในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ นับตั้งแต่คว้าแชมป์ยุโรปในปี 1964 ผลงานที่ดีที่สุดของพวกเขาก่อนปี 2010 คือการเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศในปี 2002, 1994 และ 1986 หลังจากเคยจบอันดับสี่ในปี 1950 ซึ่งในตอนนั้นรอบสุดท้ายยังคงใช้ระบบพบกันหมด 4 ทีม

แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป หลังจากการเปลี่ยนแปลงสไตล์การเล่นภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ อาราโกเนส (ผู้ล่วงลับในปี 2014) ที่หันมาเน้นผู้เล่นที่มีเทคนิคและความสามารถในการครองบอลมากกว่าพละกำลัง พร้อมกับการสร้างความสามัคคีภายในทีมเพื่อสลายความขัดแย้งเรื่องภูมิภาคที่เคยมีมานานหลายทศวรรษ

สเปนในยุคของกุนซือ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ เริ่มต้นฟุตบอลโลก 2010 ด้วยการพ่ายแพ้ต่อสวิตเซอร์แลนด์อย่างน่าประหลาดใจ ทำให้พวกเขากลายเป็นทีมเดียวในประวัติศาสตร์ (จนกระทั่งอาร์เจนตินาทำได้ในปี 2022) ที่แพ้ในนัดแรกแต่กลับไปคว้าแชมป์ได้ในที่สุด

หลังจากนั้น พวกเขาก็กลับมาเก็บชัยชนะเหนือฮอนดูรัส 2-0 และชิลี 2-1 ในรอบแบ่งกลุ่ม ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายไปพบกับโปรตุเกส และชัยชนะด้วยสกอร์ 1-0 จากประตูของ ดาบิด บีย่า ก็กลายเป็นสกอร์ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดเส้นทางสู่แชมป์

สเปนเอาชนะปารากวัย 1-0 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ และเฉือนชนะเยอรมนีด้วยสกอร์เดียวกันในรอบรองชนะเลิศ จนมาถึงนัดชิงชนะเลิศที่ต้องเผชิญหน้ากับการเล่นที่ดุดันของเนเธอร์แลนด์ แม้จะต้องสู้กันถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ แต่ในที่สุด อันเดรส อิเนียสต้า ก็มายิงประตูชัยพาทีมคว้าชัย 1-0 เป็นนัดที่สี่ติดต่อกัน

ชัยชนะครั้งนี้ทำให้สเปนกลายเป็นแชมป์โลกหน้าใหม่ทีมแรกที่คว้าแชมป์นอกบ้านได้นับตั้งแต่บราซิลทำไว้ที่สวีเดนในปี 1958 และเป็นชาติที่ 8 ที่คว้าแชมป์โลกไปครอง

แล้วเหล่านักเตะผู้สร้างประวัติศาสตร์ทั้ง 23 คนในวันนั้น ปัจจุบันพวกเขาอยู่ที่ไหนและทำอะไรกันอยู่บ้าง?