วิกฤตการเงิน! แมนยูฯ ขาดทุน 6 ปีติด "เซอร์จิม" ทุ่มซื้อ 510 ล้านปอนด์ - อนาคตสโมสรขึ้นอยู่กับ "UCL"
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงเผชิญกับสถานการณ์ทางการเงินที่น่าเป็นห่วง โดยล่าสุด ดิ แอธเลติก (TA) ได้วิเคราะห์ข้อมูลจากรายงานทางการเงินล่าสุดของสโมสรสำหรับฤดูกาล 2024-2025 ซึ่งเผยว่า แม้จะมีรายได้รวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 666.5 ล้านปอนด์ แต่สโมสรก็ยังคงประสบกับ การขาดทุนก่อนหักภาษีสูงถึง 39.7 ล้านปอนด์ นับเป็นการขาดทุนต่อเนื่องเป็น ปีที่หกติดต่อกัน

เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ ผู้ถือหุ้นรายใหม่ ได้นำแผนการปฏิรูปมาใช้เพื่อลดต้นทุนอย่างจริงจัง ซึ่งเริ่มเห็นผลในเบื้องต้นแล้ว แต่สุขภาพทางการเงินของสโมสรยังคงผูกติดอยู่กับผลงานในสนาม
การปฏิรูปและลดต้นทุน:
มีการปรับลดต้นทุนอย่างหนัก รวมถึงแผนการลดจำนวนพนักงานที่อาจสูงถึง 450 คน
งบประมาณค่าเหนื่อยรวมลดลง 14% อยู่ที่ 313.3 ล้านปอนด์ และอัตราส่วนค่าเหนื่อยต่อรายได้ลดลงมาอยู่ที่ 47% ซึ่งถือเป็นระดับที่เหมาะสม
มาตรการเหล่านี้ช่วยให้ผลขาดทุนจากการดำเนินงานลดลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นตัวเลขที่ดีที่สุดในรอบห้าปี
หนี้สินและการใช้จ่ายที่พุ่งสูง:
นับตั้งแต่ เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ เข้ามามีบทบาท สโมสรมีการใช้จ่ายในตลาดซื้อขายรวมสูงถึง 510.8 ล้านปอนด์ โดยมี ค่าใช้จ่ายสุทธิ 365.3 ล้านปอนด์
การใช้จ่ายนี้ทำให้ หนี้สินสุทธิจากการซื้อขายนักเตะ พุ่งขึ้นไปถึง 344.5 ล้านปอนด์ ซึ่งอาจเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในวงการฟุตบอลโลก
หนี้สินทางการเงินโดยรวมของสโมสร ซึ่งรวมถึงวงเงินสินเชื่อและเงินกู้ระยะยาว คาดว่ามีมากกว่า 750 ล้านปอนด์
ในช่วงหกปีที่ผ่านมา สโมสรต้องจ่ายเงินรวม 230 ล้านปอนด์ เพื่อชำระดอกเบี้ยเงินกู้และจ่ายเงินปันผลให้กับตระกูลเกลเซอร์
ผลงานในสนามคือหัวใจสำคัญ:
รายงานชี้ชัดว่ารากเหง้าของปัญหาคือ ผลงานในสนามที่ย่ำแย่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพลาดไปเล่น ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ส่งผลให้รายได้จากลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2016
แม้ว่ารายได้จากวันแข่งขันและรายได้เชิงพาณิชย์จะทำสถิติสูงสุด แต่ก็ไม่สามารถชดเชยช่องว่างทางการเงินที่เกิดจากผลงานการแข่งขันที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายได้
แนวโน้มในอนาคต:
เป็นข่าวดีที่ปัจจุบัน แมนฯ ยูไนเต็ด ยังไม่มีความเสี่ยงที่จะละเมิดกฎ Profit and Sustainability Rules (PSR) ของพรีเมียร์ลีก เนื่องจากรายได้สูงและมีการหักลดหย่อนสำหรับการใช้จ่ายด้านอะคาเดมี่และฟุตบอลหญิง
สโมสรคาดการณ์ว่าจะมีรายได้รวมสำหรับฤดูกาล 2025-2026 อยู่ที่ 640-660 ล้านปอนด์
บทสรุปจากสื่ออังกฤษระบุว่า สถานะทางการเงินของแมนฯ ยูไนเต็ดมีทั้งส่วนที่ดูดีขึ้น (ประสิทธิภาพการดำเนินงาน) และส่วนที่น่ากังวล (หนี้สินและค่าใช้จ่ายการซื้อขายมหาศาล) การฟื้นตัวทางการเงินในอนาคตจึง แทบจะขึ้นอยู่กับว่าทีมจะสามารถกลับไปเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ได้หรือไม่ เพราะรายได้มหาศาลจากถ้วยนี้เท่านั้นที่จะเป็นเสาหลักในการค้ำจุนค่าใช้จ่ายและหนี้สินทั้งหมดของสโมสรได้ ชะตากรรมของแมนฯ ยูไนเต็ด นอกสนาม จึงถูกขับเคลื่อนด้วยผลงานในสนามอย่างแท้จริง

เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ ผู้ถือหุ้นรายใหม่ ได้นำแผนการปฏิรูปมาใช้เพื่อลดต้นทุนอย่างจริงจัง ซึ่งเริ่มเห็นผลในเบื้องต้นแล้ว แต่สุขภาพทางการเงินของสโมสรยังคงผูกติดอยู่กับผลงานในสนาม
การปฏิรูปและลดต้นทุน:
มีการปรับลดต้นทุนอย่างหนัก รวมถึงแผนการลดจำนวนพนักงานที่อาจสูงถึง 450 คน
งบประมาณค่าเหนื่อยรวมลดลง 14% อยู่ที่ 313.3 ล้านปอนด์ และอัตราส่วนค่าเหนื่อยต่อรายได้ลดลงมาอยู่ที่ 47% ซึ่งถือเป็นระดับที่เหมาะสม
มาตรการเหล่านี้ช่วยให้ผลขาดทุนจากการดำเนินงานลดลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นตัวเลขที่ดีที่สุดในรอบห้าปี
หนี้สินและการใช้จ่ายที่พุ่งสูง:
นับตั้งแต่ เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ เข้ามามีบทบาท สโมสรมีการใช้จ่ายในตลาดซื้อขายรวมสูงถึง 510.8 ล้านปอนด์ โดยมี ค่าใช้จ่ายสุทธิ 365.3 ล้านปอนด์
การใช้จ่ายนี้ทำให้ หนี้สินสุทธิจากการซื้อขายนักเตะ พุ่งขึ้นไปถึง 344.5 ล้านปอนด์ ซึ่งอาจเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในวงการฟุตบอลโลก
หนี้สินทางการเงินโดยรวมของสโมสร ซึ่งรวมถึงวงเงินสินเชื่อและเงินกู้ระยะยาว คาดว่ามีมากกว่า 750 ล้านปอนด์
ในช่วงหกปีที่ผ่านมา สโมสรต้องจ่ายเงินรวม 230 ล้านปอนด์ เพื่อชำระดอกเบี้ยเงินกู้และจ่ายเงินปันผลให้กับตระกูลเกลเซอร์
ผลงานในสนามคือหัวใจสำคัญ:
รายงานชี้ชัดว่ารากเหง้าของปัญหาคือ ผลงานในสนามที่ย่ำแย่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพลาดไปเล่น ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ส่งผลให้รายได้จากลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2016
แม้ว่ารายได้จากวันแข่งขันและรายได้เชิงพาณิชย์จะทำสถิติสูงสุด แต่ก็ไม่สามารถชดเชยช่องว่างทางการเงินที่เกิดจากผลงานการแข่งขันที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายได้
แนวโน้มในอนาคต:
เป็นข่าวดีที่ปัจจุบัน แมนฯ ยูไนเต็ด ยังไม่มีความเสี่ยงที่จะละเมิดกฎ Profit and Sustainability Rules (PSR) ของพรีเมียร์ลีก เนื่องจากรายได้สูงและมีการหักลดหย่อนสำหรับการใช้จ่ายด้านอะคาเดมี่และฟุตบอลหญิง
สโมสรคาดการณ์ว่าจะมีรายได้รวมสำหรับฤดูกาล 2025-2026 อยู่ที่ 640-660 ล้านปอนด์
บทสรุปจากสื่ออังกฤษระบุว่า สถานะทางการเงินของแมนฯ ยูไนเต็ดมีทั้งส่วนที่ดูดีขึ้น (ประสิทธิภาพการดำเนินงาน) และส่วนที่น่ากังวล (หนี้สินและค่าใช้จ่ายการซื้อขายมหาศาล) การฟื้นตัวทางการเงินในอนาคตจึง แทบจะขึ้นอยู่กับว่าทีมจะสามารถกลับไปเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ได้หรือไม่ เพราะรายได้มหาศาลจากถ้วยนี้เท่านั้นที่จะเป็นเสาหลักในการค้ำจุนค่าใช้จ่ายและหนี้สินทั้งหมดของสโมสรได้ ชะตากรรมของแมนฯ ยูไนเต็ด นอกสนาม จึงถูกขับเคลื่อนด้วยผลงานในสนามอย่างแท้จริง
จาก:ข่าวฮอต
โพสต์ฮอต
-
พรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก: ลิเวอร์พูล vs เรอัล มาดริด -
วิเคราะห์บอล【เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก】นาซาฟ การ์ชิ VS อัล วาห์ดา(เอมิเรตส์) -
พรีวิวฟุตบอล เซเรียอา: ลาซิโอ vs กาญารี่ -
พรีวิวฟุตบอล ลาลิกา สเปน: บาร์เซโลน่า vs เอลเช่ -
พรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก: แมนเชสเตอร์ ซิตี้ vs โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ -
พรีวิวฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ: แมนเชสเตอร์ ซิตี้ vs บอร์นมัธ เอเอฟซี



