ผู้เชี่ยวชาญชี้! แมนซิตี้พอใจกว่าพรีเมียร์ลีก หลังบรรลุข้อตกลงยุติข้อพิพาทกฎการเงิน

เคียแรน แม็คไกวร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินฟุตบอล ให้ความเห็นว่า หลังจากที่สโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้และพรีเมียร์ลีกได้ตกลงกันในประเด็นข้อพิพาทเกี่ยวกับกฎระเบียบการเงินด้านสปอนเซอร์แล้ว ฝ่ายแมนซิตี้จะเป็นฝ่ายที่พึงพอใจกับผลลัพธ์นี้มากกว่าพรีเมียร์ลีก

แมนซิตี้ได้ถอนการฟ้องร้องกฎระเบียบธุรกรรมระหว่างบริษัทในเครือ (APT) ที่มีจุดประสงค์เพื่อประเมินว่าสัญญาเชิงพาณิชย์จากบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าของสโมสรนั้นมีมูลค่าตามท้องตลาดที่แท้จริงหรือไม่ โดยก่อนหน้านี้พรีเมียร์ลีกได้ขัดขวางการทำข้อตกลงทางธุรกิจระหว่างแมนซิตี้และสายการบินเอติฮัดในปีที่ผ่านมา ทำให้แมนซิตี้ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อกฎนี้ แม้ว่าศาลจะตัดสินว่ากฎเดิมนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ทางพรีเมียร์ลีกก็ได้ออกแนวทางปฏิบัติชุดใหม่ ซึ่งแมนซิตี้ก็ยังคงท้าทายอยู่

ในที่สุดแมนซิตี้ก็ยอมถอนฟ้อง โดยมีคำยืนยันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่าสโมสรยอมรับกฎระเบียบที่แก้ไขใหม่แล้ว ซึ่งหมายความว่าข้อตกลงมูลค่ามหาศาลกับสายการบินเอติฮัดมีแนวโน้มที่จะเดินหน้าต่อไปได้ และแมนซิตี้จะได้รับเงินทุนจำนวนมหาศาลเพิ่มเติมจากรายได้เชิงพาณิชย์ที่กำลังพุ่งสูงขึ้น

เคียแรน แม็คไกวร์ กล่าวว่า "ตามความเข้าใจของผม แมนซิตี้ไม่มีทางยอมตกลงยุติคดีแน่ ถ้าพวกเขาไม่พอใจในข้อตกลง พวกเขามีเหตุผลที่แข็งแกร่งมากในการฟ้องร้อง และประเด็นหลักคือมูลค่าการต่ออายุสัญญากับเอติฮัด การที่จะนิยามว่า 'มูลค่าที่ยุติธรรม' สำหรับสปอนเซอร์องค์กรคืออะไร คำตอบง่ายๆ คือ ไม่มีใครกำหนดได้ พรีเมียร์ลีกพยายามที่จะบังคับการประเมินราคา แต่แมนซิตี้ก็โต้กลับอย่างหนัก ตอนนี้เป็นไปได้มากว่าแมนซิตี้จะรู้สึกพอใจกับผลลัพธ์ที่พรีเมียร์ลีกต้องยอมรับว่า 'มูลค่าที่ยุติธรรมนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล'"

"ยกตัวอย่างเช่น ภาพวาดที่หลานสาวของผมวาด อาจมีค่าสำหรับผมมากกว่าสำหรับคุณ หากแมนซิตี้ได้รับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์ในอาบูดาบี มูลค่าสำหรับบริษัทในอาบูดาบีย่อมมีค่ามากกว่าสำหรับบริษัทในลิกเตนสไตน์อย่างแน่นอน"

การประนีประนอมครั้งนี้สร้างความไม่พอใจในหมู่สโมสรพรีเมียร์ลีกหลายแห่ง เนื่องจากพวกเขามองว่าแมนซิตี้เป็นฝ่ายที่ชนะในข้อพิพาทนี้ แม็คไกวร์เชื่อว่าส่วนใหญ่ของสโมสรไม่ได้สนใจในข้อพิพาทนี้มากนัก แต่คู่แข่งโดยตรงของแมนซิตี้จะรู้สึกไม่พอใจกับการที่พรีเมียร์ลีกยอมประนีประนอม

แม็คไกวร์กล่าวว่า "พรีเมียร์ลีกน่าจะมีสโมสรอย่างน้อย 12 ทีมที่ไม่สนใจเรื่องนี้เลย เพราะสโมสรอย่างเบรนท์ฟอร์ดหรือบอร์นมัธไม่ได้มองว่าแมนซิตี้เป็นคู่แข่งโดยตรงของพวกเขา คู่แข่งของพวกเขาคือคริสตัล พาเลซ, วูล์ฟแฮมป์ตัน, ไบรท์ตัน และเวสต์แฮม ซึ่งเป็นกลุ่มสโมสรระดับกลาง แน่นอนว่ามีบางสโมสรที่เกลียดแมนซิตี้ พวกเขาเชื่อว่าหากไม่มีแมนซิตี้ พวกเขาจะประสบความสำเร็จในสนามได้มากกว่านี้ แต่คนที่กดดันจริงๆ มีแค่ไม่กี่สโมสรเท่านั้น"

"สโมสรเหล่านี้จะไม่พอใจกับผลลัพธ์นี้ แต่เมื่อพิจารณาว่าแมนซิตี้ได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดในข้อพิพาท APT รอบแรก การที่แมนซิตี้ตกลงที่จะปฏิบัติตามกฎใหม่ในครั้งนี้ได้ช่วยรักษาหน้าให้กับพรีเมียร์ลีกได้บ้าง แม้ว่าแมนซิตี้จะพอใจกับผลการประนีประนอมมากกว่าพรีเมียร์ลีกก็ตาม"

ชัยชนะครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับแมนซิตี้ เนื่องจากรายได้เชิงพาณิชย์ของพวกเขามีขนาดใหญ่กว่าคู่แข่งในพรีเมียร์ลีกอย่างมาก ปัจจุบันรายได้เชิงพาณิชย์ของแมนซิตี้คิดเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดในบรรดาสโมสรในพรีเมียร์ลีก แม็คไกวร์ยังเชื่อว่านี่เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นระหว่างแมนซิตี้และพรีเมียร์ลีก แต่ยังเร็วเกินไปที่จะคาดเดาว่าข้อกล่าวหาเรื่องการเงิน 115 กระทงของแมนซิตี้จะมีผลลัพธ์ที่คล้ายกันหรือไม่

แม็คไกวร์กล่าวว่า "ผมคิดว่านี่เป็นสัญญาณของความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น ทั้งสองฝ่ายบรรลุความเข้าใจร่วมกัน แมนซิตี้ไม่เคยสนใจเรื่องเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยจากผู้ถือหุ้นเลย มันเป็นเพียงเครื่องมือที่พวกเขาใช้ในการต่อรองกับพรีเมียร์ลีก เพื่อประท้วงสิ่งที่พวกเขาคิดว่าเป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม"

"บางคนกำลังนำเรื่องนี้มาเชื่อมโยงกับข้อกล่าวหา 115 กระทง และคาดเดาว่าข้อกล่าวหาสำคัญเหล่านั้นอาจจะถูกเจรจาเพื่อหาข้อยุติ ผมคิดว่าทั้งสองเรื่องนี้เป็นคนละเรื่องกันโดยสิ้นเชิง พรีเมียร์ลีกอาจจะสามารถนำเสนอการประนีประนอมครั้งนี้ให้กับสโมสรอื่นได้ในฐานะวิธีการประหยัดค่าใช้จ่ายทางกฎหมาย แต่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีสำหรับข้อกล่าวหาใหญ่ๆ นั้นสูงมากจนไม่สามารถเจรจาเพื่อหาข้อยุติได้อีกแล้ว"

"สโมสรต่างๆ ต้องการผลลัพธ์ พวกเขาอยากเห็นใครสักคนถูกลงโทษอย่างจริงจัง"