​ครอบครัวเผยเบื้องหลัง! ทำไมดีลมาร์ติเนซซบผีแดงถึงล่ม

กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างหนาหูในช่วงโค้งสุดท้ายของตลาดซื้อขายนักเตะ เมื่อดีลยักษ์ที่เกือบจะพา เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ผู้รักษาประตูดีกรีแชมป์โลกของแอสตัน วิลล่า ไปเฝ้าเสาให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องล่มลงอย่างไม่เป็นท่า ล่าสุด ครอบครัวของนายทวารชาวอาร์เจนตินาได้ออกมาเปิดเผยถึงเบื้องหลังการตัดสินใจดังกล่าว โดยยืนยันว่าเหตุผลทั้งหมดเป็นเรื่องทาง "ธุรกิจ" ของสโมสรต้นสังกัด ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความสามารถหรือความทุ่มเทของตัวนักเตะแต่อย่างใด

นายด่านวัย 33 ปี ตกเป็นเป้าหมายเสริมทัพคนสำคัญของทัพ "ปีศาจแดง" และการเจรจาก็ดำเนินไปจนเกือบจะบรรลุข้อตกลงในวันสุดท้ายของตลาดนักเตะ อย่างไรก็ตาม การย้ายทีมครั้งนี้กลับต้องพังทลายลงในนาทีสุดท้าย โดยมีรายงานว่าหนึ่งในปัจจัยสำคัญคือความซับซ้อนของข้อเสนอที่อาจเกี่ยวข้องกับการสลับตัวนักเตะอย่าง เจดอน ซานโช่

เพื่อไขข้อกระจ่างในเรื่องนี้ อเลฮานโดร มาร์ติเนซ น้องชายของเอมิ ได้ให้สัมภาษณ์ผ่าน DSports Radio สื่อในบ้านเกิด โดยชี้ว่าสโมสรแอสตัน วิลล่า ไม่ต้องการปล่อยพี่ชายของเขาออกจากทีม เนื่องจากมองว่าเป็นบุคคลสำคัญอย่างยิ่ง

"ผมได้รับการบอกเล่าว่าเอมิทุ่มเทอย่างเต็มที่ทั้งในฐานะนักฟุตบอลและในฐานะคนคนหนึ่ง เขาเป็นที่รักใคร่ภายในสโมสร และบอร์ดบริหารไม่ต้องการขายเขาออกไป เพราะเขาคือคนสำคัญของทีม" อเลฮานโดร กล่าว "ทุกอย่างจบลงเพราะเหตุผลในเชิงพาณิชย์ ไม่ใช่เรื่องของเหตุผลทางกีฬา"

ขณะเดียวกัน อัลเบร์โต้ มาร์ติเนซ ผู้เป็นบิดา ได้กล่าวเสริมอย่างตรงไปตรงมา โดยเปรียบเทียบวงการฟุตบอลกับโลกของธุรกิจที่การตัดสินใจขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ขององค์กรเป็นหลัก

"นี่คือธุรกิจ มันเหมือนกับโรงงานที่มีพนักงาน ถ้าคุณเป็นคนสำคัญของโรงงาน พวกเขาก็คงไม่ปล่อยคุณไปง่าย ๆ วันนี้มันอาจจะยังไม่เกิดขึ้น แต่วันข้างหน้ามันก็อาจจะเกิดขึ้นได้"

หลังจากการเจรจากับมาร์ติเนซล้มเหลว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เบนเข็มไปปิดดีลคว้าตัว เซนเน่ ลัมเมนส์ ผู้รักษาประตูดาวรุ่งจากสโมสรรอยัล อันท์เวิร์ป ในลีกเบลเยียมเข้ามาเสริมทัพแทน ส่วนทางด้าน เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ก็ยังคงปักหลักเป็นกำลังสำคัญให้กับแอสตัน วิลล่า ต่อไปในฐานะหนึ่งในผู้รักษาประตูที่มีอิทธิพลต่อเกมสูงที่สุดคนหนึ่งของพรีเมียร์ลีก

แม้ว่าความฝันในการย้ายไปค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ของมาร์ติเนซจะต้องจบลงในครั้งนี้ แต่คำให้สัมภาษณ์ของครอบครัวก็ได้สะท้อนให้เห็นภาพความจริงของโลกฟุตบอลสมัยใหม่ ที่การย้ายทีมของผู้เล่นระดับท็อปไม่ได้ขึ้นอยู่กับฝีเท้าหรือความต้องการของนักเตะเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์และผลประโยชน์ทางธุรกิจของสโมสรที่เป็นผู้ชี้ขาดสำคัญ ซึ่งอนาคตของนายทวารแชมป์โลกรายนี้จะยังคงเป็นที่น่าจับตามองต่อไปอย่างแน่นอน