5 เหตุการณ์ "ขอขึ้นบัญชีย้ายทีม" สุดช็อกที่แฟนบอลไม่มีวันลืม

ในโลกฟุตบอลยุคปัจจุบันที่มูลค่าการซื้อขายนักเตะพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อำนาจในการกำหนดเส้นทางอาชีพของนักฟุตบอลก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะเมื่อนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ใช้ไม้ตายอย่างการ "ขอขึ้นบัญชีย้ายทีม" เพื่อบีบให้สโมสรปล่อยตัวพวกเขาออกไป นี่คือ 5 เหตุการณ์ที่สร้างความตกตะลึงและกลายเป็นประวัติศาสตร์ที่แฟนบอลทั่วโลกต้องจดจำ
1. สตีเว่น เจอร์ราร์ด: การตัดสินใจที่เกือบจะเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ลิเวอร์พูล (2005)
หลังจากนำลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกได้อย่างปาฏิหาริย์ที่อิสตันบูลในปี 2005 ไม่มีใครคาดคิดว่ากัปตันทีมและไอคอนตลอดกาลอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด จะเคยเกือบไม่ใช่ตำนานของสโมสร ความขัดแย้งเรื่องสัญญาฉบับใหม่ทำให้เขาตัดสินใจยื่นเรื่องขอย้ายทีมอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคม ทำให้แฟนบอลและสโมสรต่างตกอยู่ในอาการช็อกทันที สโมสรเชลซีไม่รอช้า ยื่นข้อเสนอ 32 ล้านปอนด์เข้ามา แต่ด้วยแรงกดดันจากแฟนบอลและความรู้สึกผูกพันที่มีต่อสโมสร ทำให้เจอร์ราร์ดตัดสินใจล้มเลิกแผนการย้ายทีม และสุดท้ายก็เซ็นสัญญาใหม่กับลิเวอร์พูล เพื่อสานต่อสถานะตำนานของตัวเอง
2. วิลเลียม กัลลาส: การใช้กลยุทธ์สุดสกปรก (2006)
ความสัมพันธ์ระหว่าง วิลเลียม กัลลาส และเชลซีจบลงอย่างไม่สวยงามเลย หลังจากค้าแข้งกับทีมมานาน 5 ปี ปราการหลังชาวฝรั่งเศสรายนี้เรียกร้องสัญญาฉบับใหม่ที่ดีขึ้น แต่เมื่อการเจรจาไม่เป็นไปตามที่หวัง เขาก็ตัดสินใจใช้กลยุทธ์ขั้นรุนแรงด้วยการ 'นัดหยุดงาน' เพื่อบีบให้สโมสรต้องปล่อยตัวเขาไปอยู่กับอาร์เซนอลคู่ปรับร่วมกรุงลอนดอน หลังจากที่การย้ายทีมเกิดขึ้น เชลซีถึงกับออกแถลงการณ์อย่างดุเดือดว่ากัลลาสเคยขู่จะทำเข้าประตูตัวเองหรือจงใจโดนใบแดง หากถูกบังคับให้ลงสนามอีกครั้ง แม้กัลลาสจะออกมาปฏิเสธ แต่เรื่องราวสุดฉาวนี้ก็ทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่ไม่เป็นที่ต้อนรับของแฟนเชลซีอีกต่อไป
3. เวย์น รูนีย์: รักๆ เลิกๆ กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (2010 และ 2013)
เวย์น รูนีย์ ตำนานนักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยแสดงความต้องการที่จะย้ายออกจากถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดถึงสองครั้ง ครั้งแรกในปี 2010 เขาให้สัมภาษณ์สาธารณะว่าไม่มั่นใจในความมุ่งมั่นของสโมสรในการเสริมทัพจนไม่ยอมต่อสัญญาใหม่ แต่สุดท้ายก็ยอมกลับมาเซ็นสัญญา 5 ปี และช่วยให้ทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อีกสองสมัย เรื่องราวไม่จบแค่นั้น ในปี 2013 ความสัมพันธ์ที่แตกร้าวกับเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทำให้เขาอยากจะย้ายทีมอีกครั้ง แม้จะมีข้อเสนอจากเชลซีเข้ามา แต่สุดท้ายผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างเดวิด มอยส์ก็ยืนยันที่จะเก็บเขาไว้ ส่งผลให้รูนีย์ต้องอยู่ค้าแข้งกับยูไนเต็ดต่อไปอีก 4 ปี ก่อนจะกลับสู่สโมสรแรกอย่างเอฟเวอร์ตันในท้ายที่สุด
4. ราฮีม สเตอร์ลิง: ทิ้งทัวร์พรีซีซั่นเพื่อบีบสโมสร (2015)
แม้จะเติบโตมาจากศูนย์ฝึกของลิเวอร์พูลและเป็นกำลังสำคัญของทีม แต่ ราฮีม สเตอร์ลิง ก็ตัดสินใจเดินบนเส้นทางใหม่ในปี 2015 เขาสร้างความตึงเครียดด้วยการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซีโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสโมสร และประกาศอย่างชัดเจนว่าจะปฏิเสธสัญญาฉบับใหม่ สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีกเมื่อเอเยนต์ของเขาออกมาตอกย้ำว่าเงินไม่ใช่ประเด็นสำคัญ และสเตอร์ลิงก็เลือกที่จะปฏิเสธการเดินทางไปทัวร์ปรีซีซั่นกับทีมในเอเชียเพื่อบีบให้สโมสรจำใจปล่อยตัวเขาออกไป และในที่สุด ลิเวอร์พูลก็ต้องยอมขายเขาให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัวเกือบ 50 ล้านปอนด์ ทำให้เขากลายเป็น "คนทรยศ" ในสายตาของแฟนหงส์แดง
5. อเล็กซานเดอร์ อิซัค: การย้ายทีมสุดคลั่งทุบสถิติ (2025)
ซัมเมอร์ปี 2025 เป็นปีแห่งมหากาพย์การย้ายทีมที่โลกต้องจารึก ชื่อของ อเล็กซานเดอร์ อิซัค กลายเป็นศูนย์กลางของเรื่องราวทั้งหมดหลังจากที่เขาโชว์ฟอร์มร้อนแรงกับนิวคาสเซิล และลิเวอร์พูลได้ยื่นข้อเสนออย่างไม่เป็นทางการเข้ามา แม้จะถูกปฏิเสธจนต้องหันไปเซ็นสัญญากับ อูโก้ เอกิติเก้ ที่นิวคาสเซิลเองก็สนใจ แต่กระนั้น อิซัคก็ยังคงยืนยันที่จะย้ายไปแอนฟิลด์เพียงทีมเดียว เมื่อสโมสรยืนกรานที่จะไม่ขาย หัวหอกชาวสวีเดนก็เลือกที่จะหยุดงานและออกแถลงการณ์สุดช็อกว่าสโมสรผิดสัญญาเรื่องอนาคตของเขา ทำให้นิวคาสเซิลไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมปล่อยตัวเพื่อรักษามูลค่าของนักเตะไว้ พวกเขาตัดสินใจเซ็นกองหน้าเข้ามาแทนที่สองคน ก่อนจะยอมปล่อยตัวอิซัคไปให้ลิเวอร์พูลด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 125 ล้านปอนด์ กลายเป็นสถิติใหม่ของพรีเมียร์ลีกในที่สุด
จาก:ข่าวฮอต
โพสต์ฮอต
-
พรีวิวฟุตบอล ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนยุโรป: ฮังการี vs โปรตุเกส
-
พรีวิวฟุตบอล ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนยุโรป: สวิตเซอร์แลนด์ vs สโลวีเนีย
-
พรีวิวฟุตบอล ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนยุโรป: อิสราเอล vs อิตาลี
-
วาตารุ เอ็นโด: ฟอร์มของทีมชาติญี่ปุ่นน่าชื่นชม
-
พรีวิวฟุตบอล ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนยุโรป: ตุรกี vs สเปน
-
วิเคราะห์บอล【ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนยุโรป】จอร์เจีย VS บัลแกเรีย