​ลูกากูเผยความหลัง: ปี 2017 เตรียมซบเชลซี แต่กลับถูกส่งไปแมนฯ ยูฯ

โรเมลู ลูกากู กองหน้าทีมชาติเบลเยียม ได้ให้สัมภาษณ์กับ Het Nieuwsblad สื่อในบ้านเกิด โดยยอมรับว่าประสบการณ์การย้ายทีมสองครั้งที่เกี่ยวข้องกับเอฟเวอร์ตัน ทำให้เขาเกิดความไม่ไว้วางใจในตัวเอเย่นต์ และได้เปิดเผยเบื้องหลังการย้ายทีมไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่พลิกผันจากเดิมที่เตรียมย้ายกลับไปเชลซี

ลูกากูเคยย้ายร่วมทีมเอฟเวอร์ตันในรูปแบบยืมตัวเมื่อฤดูกาล 2013-14 และทำผลงานยอดเยี่ยมด้วยการยิง 13 ประตูในพรีเมียร์ลีก ก่อนจะย้ายจากเชลซีมาร่วมทีมอย่างถาวร เขาค้าแข้งในถิ่นกูดิสัน พาร์ค เป็นเวลาสามฤดูกาล จนกระทั่งย้ายไปร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2017 ในฐานะดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของเอฟเวอร์ตันในพรีเมียร์ลีก

ลูกากูเล่าย้อนไปถึงเหตุการณ์ในปี 2014 ว่า "ตอนนั้นผมมีโอกาสย้ายไปยูเวนตุส, โวล์ฟสบวร์ก หรือแอตเลติโก มาดริด แต่สุดท้ายก็ลงเอยกับเอฟเวอร์ตัน ตอนที่ผมเซ็นสัญญา ผมเห็นตัวเลขบางอย่างในเอกสารแล้วรู้สึกว่ามีอะไรไม่ถูกต้อง ผมจึงเริ่มตรวจสอบด้วยตัวเอง แล้วความจริงทั้งหมดก็ปรากฏออกมา หนึ่งปีหลังจากนั้น เควิน เดอ บรอยน์ ก็ย้ายไปแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเจอปัญหาคล้ายกันจนกลายเป็นข่าวดัง" มีรายงานว่า คริสตอฟ เฮนโรเทย์ ซึ่งเป็นเอเย่นต์ในขณะนั้น เคยถูกสอบสวนด้านการเงินในปฏิบัติการ "คลีนแฮนด์" ของเบลเยียม

เมื่อพูดถึงการย้ายออกจากเอฟเวอร์ตันในปี 2017 ลูกากูเปิดเผยว่า เดิมทีเขาตั้งใจจะย้ายกลับไปเชลซี แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปภายใต้อิทธิพลของเอเย่นต์ มิโน ไรโอล่า "ผมบอกกับทุกคนไปแล้วว่าผมจะย้ายไปเชลซี แต่จู่ๆ โชเซ่ มูรินโญ่ ก็โทรมาบอกว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ยื่นข้อเสนอเข้ามา พอผมกลับมาจากการพักร้อน ก็ได้รับแจ้งว่าดีลกับแมนฯ ยูไนเต็ด ถูกตกลงเรียบร้อยแล้ว ผมบอกกับไรโอล่าไปว่า 'ผมไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนี้' และหลังจากนั้น ผมก็ตัดสินใจว่าจะจัดการเรื่องต่างๆ ด้วยตัวเองนับจากนี้ไป"

หลังจากนั้น ลูกากูได้ย้ายไปร่วมทีมอินเตอร์ มิลาน ในปี 2019 ก่อนจะย้ายกลับมาเชลซีด้วยค่าตัวมหาศาล 97.5 ล้านปอนด์ แต่ผลงานกลับไม่เป็นไปตามคาด ทำให้เขาถูกปล่อยยืมตัวไปยังอินเตอร์ มิลาน และโรม่า ตามลำดับ