​บรรลุ 50 ประตูใน J1: ชุน นางาซาวะ กองหน้ามากประสบการณ์ของ เกียวโต ซังงะ ลิ้มรส "ความสุขที่ได้เล่นฟุตบอล"

เกียวโต ซังงะ เอฟซี อันดับ 3 บุกไปเยือน คาชิวะ เรย์โซล อันดับ 2 ในการแข่งขันคู่ใหญ่ชิงอันดับหัวตาราง ถึงแม้จะเสียประตูขึ้นนำในนาทีที่ 19 แต่ ทาคูจิ โยเนโมโตะ กองกลาง ก็สามารถทำประตูตีเสมอได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม คาชิวะ ทำประตูนำอีกครั้งก่อนจบครึ่งแรก ทำให้สกอร์เป็น 1-2 ในช่วงพักครึ่ง ในครึ่งหลัง เกียวโต ทำการเปลี่ยนตัว ส่ง ชุน นางาซาวะ และ มาซายะ โอคุกาวะ ลงสนาม ไทจิ ฮาระ ที่เล่นกองหน้าตัวเป้าในครึ่งแรก ย้ายไปเล่นปีกซ้าย โดยมี นางาซาวะ เป็นกองหน้าตัวกลาง และ โอคุกาวะ เป็นปีกขวา

จากนั้น การยิงครั้งแรกของ นางาซาวะ ก็เปลี่ยนเป็นประตู ในนาทีที่ 8 ของครึ่งหลัง โยชิโนริ ซูซูกิ กองหลัง จ่ายบอลตรงขึ้นหน้าให้ โยเนโมโตะ ตอกส้นต่อไปทางซ้ายให้ ฮาระ ซึ่ง ฮาระ ก็เปิดบอลเรียดเข้ามาระหว่างแนวรับของคาชิวะกับผู้รักษาประตู และ นางาซาวะ ก็พุ่งเข้าโหม่งทำประตูตีเสมอเป็นครั้งที่สองในนัดนี้ได้สำเร็จ

กองหน้าเจ้าของส่วนสูง 192 ซม. รายนี้ เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับ ชิมิสึ เอส-พัลส์ ในปี 2007 ตั้งแต่ปี 2011 ได้เล่นใน J2 กับสโมสร คุมาโมโตะ, เกียวโต ซังงะ และ มัตสึโมโตะ ยามากะ เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงสนาม ในปี 2014 ย้ายกลับ ชิมิสึ อีกครั้ง แต่ในฤดูร้อนปี 2015 ได้ย้ายไป กัมบะ โอซาก้า และแจ้งเกิดได้สำเร็จ เล่นที่นั่น 3 ปี และทำประตูได้ถึงเลขสองหลักในปีที่สาม หลังจากนั้น ได้ย้ายไป วิสเซล โกเบ, เวกัลตะ เซนได และ โออิตะ ตรินิต้า ในปี 2025 เขาย้ายกลับ เกียวโต ซังงะ อีกครั้ง หลังจากห่างหายไป 13 ปี

หลังจากทำประตูแรกในการกลับมาให้กับสโมสรในนัดที่ 16 พบ นาโกย่า แกรมปัส เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม (เสมอ 1-1) ประตูในเกมกับคาชิวะ เป็นประตูที่สองในฤดูกาลนี้ ทำให้ยอดรวมประตูใน J1 ของเขาเพิ่มเป็น 50 ประตู นางาซาวะ กล่าวถึงความรู้สึกยินดีว่า "ผมได้รับโอกาสให้ได้เล่นใน J1 อีกครั้ง และผมก็ตั้งใจว่าจะต้องทำ 50 ประตูให้ได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นผมจึงมีความสุขมาก และหากคุณพยายามต่อไป ก็จะมีวันแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน"

หลังจากที่ นางาซาวะ ทำประตูตีเสมอได้ คาชิวะ ก็ทำประตูนำเป็นครั้งที่สาม ถึงกระนั้น เกียวโต ก็ยังแสดงความเหนียวแน่น ไล่ตีเสมอได้เป็นครั้งที่สามในนาทีที่ 39 ของครึ่งหลัง โดย โซตะ คาวาซากิ ทำประตูได้จากลูกเปิดของ โอคุกาวะ นางาซาวะ กล่าวถึงบรรยากาศในทีมที่แสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือว่า "มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่า 'เสียประตูไปแล้วไง?'"

นางาซาวะ ที่ลงมาเป็นตัวสำรอง ทำได้ 1 ประตู ส่วน โอคุกาวะ ทำได้ 1 แอสซิสต์ โช กวี-แจ ผู้จัดการทีม เน้นย้ำถึงความสำคัญของผู้เล่นตัวสำรอง

โค้ชโช กล่าวว่า "ฟุตบอลในปัจจุบัน ผู้เล่นตัวจริงไม่ได้เก่งกว่าตัวสำรองเสมอไป แต่การส่งผู้เล่นคนไหนลงไปในสถานการณ์แบบไหนต่างหาก ซึ่งหากดูจาก แชมเปี้ยนส์ลีก, พรีเมียร์ลีก หรือ บุนเดสลีกา จะเห็นว่ามีการวางแผนมาอย่างละเอียด ในแง่นั้น ผมเชื่อว่าพวกเขา (ตัวสำรอง) มีค่าที่ได้นั่งอยู่บนม้านั่งสำรอง ก็เพราะพวกเขาเป็นผู้เล่นที่ดี การเข้าพื้นที่เพื่อรับลูกครอสของ นางาซาวะ หรือเทคนิคและความสามารถในการสร้างเวลาของ (โอคุกาวะ) มาซายะ เรารู้ว่าสิ่งเหล่านี้คือภัยคุกคามต่อคู่ต่อสู้"

นางาซาวะ รู้สึกอิ่มเอมใจกับการได้กลับมาเล่นใน J1 อีกครั้ง หลังจากห่างหายไปถึง 4 ปี

"แน่นอนว่ามีความรู้สึกเหนื่อยล้าหรือลำบากอยู่บ้าง แต่ผมไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งเหล่านั้นมากนัก เพราะความสุขที่ได้เล่นฟุตบอล รวมถึงความสนุกที่เหนือกว่านั้นซึ่งมาจากการได้รับโอกาสนั้นมีมากกว่า"

กองหน้าวัย 36 ปี กล่าวอย่างภาคภูมิใจ