ลูกัส: การคว้าแชมป์แชมเปียนส์ลีกกับปารีสแตกต่างจากการคว้าแชมป์กับบาเยิร์น

หลังปารีสคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกสมัยแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ลูคัสได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสื่อฝรั่งเศสอย่าง เลกิ๊ป พูดถึงความรู้สึกของเขา

ความรู้สึกหลังคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก

เหลือเชื่อมาก เป็นไปไม่ได้เลย ผมเคยได้แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกกับบาเยิร์นมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง การทำสิ่งนี้ได้กับสโมสรในประเทศของผม และสโมสรนี้รอคอยมานานขนาดนี้ มันเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง การได้สัมผัสช่วงเวลาแบบนี้เป็นเรื่องพิเศษมาก เราสร้างประวัติศาสตร์ให้กับสโมสร ประวัติศาสตร์ของเมือง และแม้แต่ประวัติศาสตร์ของประเทศ พูดตามตรง ตอนที่ผมย้ายมาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผมเคยพูดในการสัมภาษณ์ครั้งแรกว่าผมต้องการสร้างประวัติศาสตร์ให้กับสโมสรแห่งนี้ และผมคิดว่าเราทำได้แล้ว การได้เห็นผู้คนที่นี่มีความสุขและยินดีขนาดนี้ สิ่งนี้จะอยู่ในใจผมตลอดไป

หลายชั่วโมงที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง

นอนน้อย ปาร์ตี้ ครอบครัว เพื่อน ทีม แฟนบอล ทุกอย่างเกินคำบรรยาย หลังจบเกม เรานั่งรถบัสไปโรงแรม ที่นั่นสโมสรได้จัดงานฉลองใหญ่ให้เรา เราฉลองช่วงเวลานี้กับญาติสนิทมิตรสหายทุกคน และนี่เป็นแค่จุดเริ่มต้น ผมไม่สามารถใช้คำพูดใดๆ มาอธิบายสิ่งที่เรากำลังประสบอยู่ตอนนี้ได้ ทุกคนปรารถนาถ้วยแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกใบนี้ เราสัมผัสได้ถึงความคาดหวังนั้น ตอนนี้มันอยู่ในมือเราแล้ว รู้สึกพิเศษมาก

การได้พบกับแฟนบอลหลังคว้าแชมป์ก็พิเศษเช่นกัน

ตั้งแต่เช้า เราก็คอยถามแอดของสโมสรว่าเมื่อไหร่จะได้กลับปารีส เราแทบรอไม่ไหวที่จะได้เจอแฟนบอลและฉลองกับพวกเขา เราคู่ควรกับถ้วยรางวัลนี้ และควรฉลองชัยชนะนี้ร่วมกับทีมงาน สต๊าฟโค้ช นักเตะ ครอบครัว และแฟนบอล

สกอร์ 5-0 ในรอบชิงชนะเลิศยังสร้างประวัติศาสตร์ พวกคุณทำได้อย่างไรที่สงบนิ่งขนาดนี้

เราทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อเพิ่มความมั่นใจ โค้ชเน้นย้ำเป็นพิเศษถึงความสำคัญของการจัดการอารมณ์ เขาบอกเราว่าต้องรักษากำลังใจให้เต็ม 100% แต่ห้ามเกิน 150% ต้องซึมซับบรรยากาศการแข่งขัน แต่ก็ต้องมีสมาธิกับเกมของเรา ไม่เล่นเกินตัว และไม่เฉื่อยชา นี่คือข้อความที่เขาเน้นย้ำมาตลอดหลายวันก่อนเกม ที่สำคัญที่สุดคือเราต้องเล่นตามสไตล์ของเรา ครองบอล และสนุกกับเกม

เอ็นริเก้เป็นกุญแจสู่ความสำเร็จนี้หรือไม่

แน่นอน ผมย้ายมาร่วมปารีสพร้อมกับเขา และได้สัมผัสการพัฒนาความแข็งแกร่งของทีมด้วยตัวเอง ผมจำได้ว่าตอนนั้นมีคนจำนวนมากวิจารณ์วิธีการทำงานของเขา แต่สุดท้ายเขาก็พิสูจน์แล้วว่าถูกต้อง

ความมั่นใจของทีมสร้างขึ้นมาได้อย่างไร

สำหรับผม มี 2 จุดเปลี่ยน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ในเดือนมกราคม เราพลิกกลับมาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในบ้าน 4-2 (เคยตามหลัง 0-2) เกมนั้นทำให้เราตระหนักว่าเรามีความสามารถที่จะบรรลุเป้าหมายที่ใหญ่กว่านี้ได้ และห้ามพลาดโอกาสนี้ ในอีกไม่กี่วันต่อมา เราทุกคนต่างคิดว่าเราสามารถคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้ ทุกอย่างเป็นไปได้ ความเชื่อมั่นนี้สำคัญมาก เพราะมันนำมาซึ่งความมั่นใจอย่างมากสำหรับการแข่งขันที่ตามมา จากนั้นก็เป็นเกมกับลิเวอร์พูล การเจอกับหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในยุโรปในเวลานั้น เราทำผลงานได้ดีทั้ง 2 นัด (นัดแรกแพ้ในบ้าน 0-1 นัดที่สองชนะในบ้าน 1-0 และชนะจุดโทษ 4-1) พูดจริงๆ การได้ผ่านทุกสิ่งนี้มากับทีมนี้มันยอดเยี่ยมมาก แม้ว่าผมจะอายุ 29 ปีแล้ว แต่ทีมนี้ยังอายุน้อยมาก ผมคิดว่าผมสามารถพูดได้ว่านี่คือจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ ไม่ว่าจะอย่างไร เราก็มีเหตุผลที่จะเชื่อเช่นนั้น

พูดถึงโอกาสที่เดมเบเล่จะคว้ารางวัลบัลลงดอร์

แน่นอนว่าเขาควรคว้ารางวัลบัลลงดอร์ ฤดูกาลนี้เขาทำผลงานได้โดดเด่น ยิงประตูได้มากมาย และมีส่วนร่วมสำคัญมากมาย แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่น่าจดจำที่สุดของเขาในปีนี้ สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือการที่เขาช่วยทีมมาตลอด การมีส่วนร่วมในเกมรับอย่างแข็งขัน และการกระตุ้นทั้งทีมด้วยการเพรสซิ่งสูง ด้วยเหตุผลเหล่านี้เองที่ทำให้เขาสมควรได้รับรางวัลนี้อย่างสมบูรณ์

พูดถึงการกลับสู่ทีมชาติฝรั่งเศส

ผมจะเข้าร่วมทีมด้วยสภาพร่างกาย 100% วันจันทร์และวันอังคารอาจจะรู้สึกเหนื่อยบ้าง แต่หลังจากนั้นผมจะฟื้นตัวได้ เหมือนที่เดมเบเล่พูด (หัวเราะ) เราอาจจะต้องนั่งรถเข็นมารายงานตัว อาจจะต้องมีคนช่วยขึ้นบันได (หัวเราะ) แต่ผมพลาดการเก็บตัวครั้งนี้ไม่ได้ ผมผ่านการบาดเจ็บรุนแรงมา 2 ครั้ง และการได้กลับมาติดทีมชาติอีกครั้งเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก ผมขอขอบคุณเดส์ชองส์ ผมจะทุ่มเทเต็มที่เพื่อคว้าแชมป์ยูฟ่าเนชันส์ลีกให้ได้

พูดถึงเพื่อนสนิท ปาวาร์ด

เมื่อเช้านี้ผมได้คุยโทรศัพท์กับปาวาร์ด เขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมในวงการฟุตบอล ผมรู้ว่าเขาพยายามมากแค่ไหนในการฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บข้อเท้าและเข้าร่วมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ผมจินตนาการได้ว่าการแพ้ในรอบชิงชนะเลิศจะเจ็บปวดแค่ไหน แต่ผมภูมิใจในผลงานของเขา สำหรับผม การพูดสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญ ตอนนี้ผมแทบรอไม่ไหวที่จะได้พบเขาอีกครั้งในทีมชาติ