วัดคมแชมป์! เชลซี เปิดรังเดือด ลิเวอร์พูล เดิมพันสำคัญตั๋ว ชปล.
ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนนี้มีคู่เดือดที่น่าจับตามอง เมื่อ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี เตรียมเปิดสนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ รับการมาเยือนของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล แม้ว่าทีมเยือนจะการันตีคว้าแชมป์ลีกฤดูกาลนี้ไปครองแล้ว แต่สำหรับเจ้าบ้านทุกคะแนนมีความหมายอย่างยิ่งยวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการลุ้นพื้นที่ไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า

สถานการณ์ก่อนเกม:
ปัจจุบัน เชลซี รั้งอันดับ 5 ของตาราง ตามหลังพื้นที่ท็อปโฟร์เพียงไม่กี่ก้าว แต่ก็โดน แอสตัน วิลล่า และ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (ตามข้อมูลที่ให้มา) หายใจรดต้นคอ ทำให้พวกเขาต้องเน้นทุกนัดที่เหลือ เมื่อเทียบกับ ลิเวอร์พูล ทีมแชมป์ เชลซีมีคะแนนตามหลังอยู่ถึง 22 แต้ม แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างพอสมควร อย่างไรก็ตาม ในเกมแรกที่พบกันที่ แอนฟิลด์ เกมค่อนข้างสูสี ก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะเฉือนเอาชนะไปได้ 2-1 จากประตูของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ เคอร์ติส โจนส์
ข้อมูลสำคัญ:
สนาม: สแตมฟอร์ด บริดจ์
ผู้ตัดสิน: ไซม่อน ฮูเปอร์
ผู้ตัดสิน VAR: จอห์น บรู๊คส์
สภาพความพร้อมนักเตะ:
เชลซี:
คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู (กองหน้า): เจ็บเล็กน้อย พักหลายวัน
โรเบิร์ต ซานเชซ (ผู้รักษาประตู): ต้องเช็คความฟิต
เวสลีย์ โฟฟาน่า (กองหลัง): ปิดเทอมยาว
มาโล กุสโต้ (กองหลัง): คาดว่าจะกลับมาต้นเดือนพฤษภาคม
มาร์ค กีอู (กองหน้า): คาดว่าจะกลับมากลางเดือนพฤษภาคม
โอมาริ เคลลี่แมน (กองกลาง): ปิดเทอมยาว

ลิเวอร์พูล:
โจ โกเมซ (กองหลัง): คาดว่าจะกลับมากลางเดือนพฤษภาคม
ไทเลอร์ มอร์ตัน (กองกลาง): คาดว่าจะกลับมากลางเดือนพฤษภาคม

11 ตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม:
เชลซี:
ผู้รักษาประตู: ฟิลิป ยอร์เกนเซ่น
กองหลัง: มอยเซส ไกเซโด้, เทรโวห์ ชาโลบาห์, ลีวาย โคลวิลล์, มาร์ค กูกูเรย่า
กองกลาง: โรเมโอ ลาเวีย, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ
แนวรุก: เปโดร เนโต้ , โคล พาลเมอร์, โนนี่ มาดูเอเก้
กองหน้า: นิโคลัส แจ็คสัน
ลิเวอร์พูล:
ผู้รักษาประตู: อลีสซง เบ็คเกอร์
กองหลัง: เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อิบราฮิมา โคนาเต้, เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน
กองกลาง: อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, ไรอัน กราเฟนแบร์ค, โดมินิค โซบอสซ์ไล
แนวรุก: โมฮาเหม็ด ซาลาห์, หลุยส์ ดิอาซ, โคดี้ กัคโป

สถิติน่าสนใจ:
ลิเวอร์พูล ไม่แพ้ เชลซี ในการเจอกัน 10 ครั้งหลังสุดในทุกรายการ (แพ้ครั้งสุดท้ายคือปี 2021 ด้วยสกอร์ 0-1)
นิโคลัส แจ็คสัน เพิ่งปลดล็อคยิงประตูได้ในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน หยุดสถิติเท้าบอดไว้ที่ 13 นัด ซึ่งยาวนานที่สุดในอาชีพ
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ มีส่วนร่วมกับประตูในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ไปแล้วถึง 46 ประตู (ยิง 28, แอสซิสต์ 18) ตามหลังสถิติสูงสุดตลอดกาลของ แอนดี้ โคล และ อลัน เชียเรอร์ เพียงประตูเดียว
โคล พาลเมอร์ ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกไม่ได้มา 12 นัดติดต่อกันแล้ว นับตั้งแต่เกมกับ บอร์นมัธ เมื่อเดือนมกราคม
ความเคลื่อนไหวล่าสุดและบทวิเคราะห์:
ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ (ไม่ใช่ อาร์เน่อ สล็อต ตามข้อมูลที่อาจคลาดเคลื่อน - สล็อต เป็นว่าที่ผู้จัดการทีมคนใหม่) คว้าแชมป์ไปแล้ว ทำให้แฟนๆ ยังคงเชื่อมั่นในทีม เชลซีเองก็มีข่าวว่าอาจจะต้องไปเช่าสนาม ทวิคเคนแนม เป็นรังเหย้าชั่วคราวระหว่างการปรับปรุง สแตมฟอร์ด บริดจ์
ฟอร์มล่าสุด เชลซี เพิ่งบุกไปถล่ม ยอร์การ์เด้น 4-1 ในเกมบอลถ้วย ส่วนในลีกก็ไม่แพ้ใครมา 5 นัดติด (ชนะ 3 เสมอ 2) แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่ดีขึ้น เกมรุกเริ่มเข้าที่ เกมรับก็ดูแข็งแกร่งขึ้น ประกอบกับฟอร์มในบ้านที่ยอดเยี่ยม ไม่แพ้ใครมา 8 นัดติดและชนะเป็นส่วนใหญ่
ด้าน ลิเวอร์พูล ก็เพิ่งเปิดบ้านถล่ม สเปอร์ส ไป 5-1 คว้าชัยในลีก 3 นัดรวด แม้จะคว้าแชมป์ไปแล้ว แต่พวกเขาก็ยังโชว์ฟอร์มเกมรุกที่ดุดัน แม้เกมรับอาจจะยังเสียประตูอยู่บ้าง ส่วนผลงานนอกบ้านก็ยังไว้ใจได้ แพ้เพียงนัดเดียวในลีกฤดูกาลนี้
เกมนี้แม้ เชลซี จะได้เปรียบเรื่องเสียงเชียร์และฟอร์มในบ้านที่กำลังเข้าฝัก แต่การที่เพิ่งลงเล่นเกมกลางสัปดาห์มา อาจส่งผลเรื่องความฟิตได้ ส่วน ลิเวอร์พูล แม้จะไม่มีความกดดันเรื่องแชมป์แล้ว และแรงจูงใจอาจไม่เต็มร้อยเท่าเจ้าบ้าน แต่ด้วยศักดิภาพทีมและมาตรฐานการเล่น เชื่อว่าพวกเขาคงไม่ยอมง่ายๆ
บทสรุป:
เป็นเกมที่น่าจะสู้กันสนุก เชลซีต้องการแต้มอย่างมาก แต่ลิเวอร์พูลก็ยังคงเป็นทีมที่แข็งแกร่ง คาดว่าเกมนี้มีโอกาสที่ "หงส์แดง" จะบุกมาแบ่งแต้ม หรืออาจจะถึงขั้นบุกมาคว้าชัยได้เช่นกัน เชื่อว่าทีมเยือนอย่าง ลิเวอร์พูล มีดีพอที่จะบุกมาไม่แพ้กลับออกไป

สถานการณ์ก่อนเกม:
ปัจจุบัน เชลซี รั้งอันดับ 5 ของตาราง ตามหลังพื้นที่ท็อปโฟร์เพียงไม่กี่ก้าว แต่ก็โดน แอสตัน วิลล่า และ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (ตามข้อมูลที่ให้มา) หายใจรดต้นคอ ทำให้พวกเขาต้องเน้นทุกนัดที่เหลือ เมื่อเทียบกับ ลิเวอร์พูล ทีมแชมป์ เชลซีมีคะแนนตามหลังอยู่ถึง 22 แต้ม แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างพอสมควร อย่างไรก็ตาม ในเกมแรกที่พบกันที่ แอนฟิลด์ เกมค่อนข้างสูสี ก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะเฉือนเอาชนะไปได้ 2-1 จากประตูของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ เคอร์ติส โจนส์
ข้อมูลสำคัญ:
สนาม: สแตมฟอร์ด บริดจ์
ผู้ตัดสิน: ไซม่อน ฮูเปอร์
ผู้ตัดสิน VAR: จอห์น บรู๊คส์
สภาพความพร้อมนักเตะ:
เชลซี:
คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู (กองหน้า): เจ็บเล็กน้อย พักหลายวัน
โรเบิร์ต ซานเชซ (ผู้รักษาประตู): ต้องเช็คความฟิต
เวสลีย์ โฟฟาน่า (กองหลัง): ปิดเทอมยาว
มาโล กุสโต้ (กองหลัง): คาดว่าจะกลับมาต้นเดือนพฤษภาคม
มาร์ค กีอู (กองหน้า): คาดว่าจะกลับมากลางเดือนพฤษภาคม
โอมาริ เคลลี่แมน (กองกลาง): ปิดเทอมยาว

ลิเวอร์พูล:
โจ โกเมซ (กองหลัง): คาดว่าจะกลับมากลางเดือนพฤษภาคม
ไทเลอร์ มอร์ตัน (กองกลาง): คาดว่าจะกลับมากลางเดือนพฤษภาคม

11 ตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม:
เชลซี:
ผู้รักษาประตู: ฟิลิป ยอร์เกนเซ่น
กองหลัง: มอยเซส ไกเซโด้, เทรโวห์ ชาโลบาห์, ลีวาย โคลวิลล์, มาร์ค กูกูเรย่า
กองกลาง: โรเมโอ ลาเวีย, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ
แนวรุก: เปโดร เนโต้ , โคล พาลเมอร์, โนนี่ มาดูเอเก้
กองหน้า: นิโคลัส แจ็คสัน
ลิเวอร์พูล:
ผู้รักษาประตู: อลีสซง เบ็คเกอร์
กองหลัง: เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อิบราฮิมา โคนาเต้, เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน
กองกลาง: อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, ไรอัน กราเฟนแบร์ค, โดมินิค โซบอสซ์ไล
แนวรุก: โมฮาเหม็ด ซาลาห์, หลุยส์ ดิอาซ, โคดี้ กัคโป

สถิติน่าสนใจ:
ลิเวอร์พูล ไม่แพ้ เชลซี ในการเจอกัน 10 ครั้งหลังสุดในทุกรายการ (แพ้ครั้งสุดท้ายคือปี 2021 ด้วยสกอร์ 0-1)
นิโคลัส แจ็คสัน เพิ่งปลดล็อคยิงประตูได้ในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน หยุดสถิติเท้าบอดไว้ที่ 13 นัด ซึ่งยาวนานที่สุดในอาชีพ
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ มีส่วนร่วมกับประตูในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ไปแล้วถึง 46 ประตู (ยิง 28, แอสซิสต์ 18) ตามหลังสถิติสูงสุดตลอดกาลของ แอนดี้ โคล และ อลัน เชียเรอร์ เพียงประตูเดียว
โคล พาลเมอร์ ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกไม่ได้มา 12 นัดติดต่อกันแล้ว นับตั้งแต่เกมกับ บอร์นมัธ เมื่อเดือนมกราคม
ความเคลื่อนไหวล่าสุดและบทวิเคราะห์:
ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ (ไม่ใช่ อาร์เน่อ สล็อต ตามข้อมูลที่อาจคลาดเคลื่อน - สล็อต เป็นว่าที่ผู้จัดการทีมคนใหม่) คว้าแชมป์ไปแล้ว ทำให้แฟนๆ ยังคงเชื่อมั่นในทีม เชลซีเองก็มีข่าวว่าอาจจะต้องไปเช่าสนาม ทวิคเคนแนม เป็นรังเหย้าชั่วคราวระหว่างการปรับปรุง สแตมฟอร์ด บริดจ์
ฟอร์มล่าสุด เชลซี เพิ่งบุกไปถล่ม ยอร์การ์เด้น 4-1 ในเกมบอลถ้วย ส่วนในลีกก็ไม่แพ้ใครมา 5 นัดติด (ชนะ 3 เสมอ 2) แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่ดีขึ้น เกมรุกเริ่มเข้าที่ เกมรับก็ดูแข็งแกร่งขึ้น ประกอบกับฟอร์มในบ้านที่ยอดเยี่ยม ไม่แพ้ใครมา 8 นัดติดและชนะเป็นส่วนใหญ่
ด้าน ลิเวอร์พูล ก็เพิ่งเปิดบ้านถล่ม สเปอร์ส ไป 5-1 คว้าชัยในลีก 3 นัดรวด แม้จะคว้าแชมป์ไปแล้ว แต่พวกเขาก็ยังโชว์ฟอร์มเกมรุกที่ดุดัน แม้เกมรับอาจจะยังเสียประตูอยู่บ้าง ส่วนผลงานนอกบ้านก็ยังไว้ใจได้ แพ้เพียงนัดเดียวในลีกฤดูกาลนี้
เกมนี้แม้ เชลซี จะได้เปรียบเรื่องเสียงเชียร์และฟอร์มในบ้านที่กำลังเข้าฝัก แต่การที่เพิ่งลงเล่นเกมกลางสัปดาห์มา อาจส่งผลเรื่องความฟิตได้ ส่วน ลิเวอร์พูล แม้จะไม่มีความกดดันเรื่องแชมป์แล้ว และแรงจูงใจอาจไม่เต็มร้อยเท่าเจ้าบ้าน แต่ด้วยศักดิภาพทีมและมาตรฐานการเล่น เชื่อว่าพวกเขาคงไม่ยอมง่ายๆ
บทสรุป:
เป็นเกมที่น่าจะสู้กันสนุก เชลซีต้องการแต้มอย่างมาก แต่ลิเวอร์พูลก็ยังคงเป็นทีมที่แข็งแกร่ง คาดว่าเกมนี้มีโอกาสที่ "หงส์แดง" จะบุกมาแบ่งแต้ม หรืออาจจะถึงขั้นบุกมาคว้าชัยได้เช่นกัน เชื่อว่าทีมเยือนอย่าง ลิเวอร์พูล มีดีพอที่จะบุกมาไม่แพ้กลับออกไป
โพสต์ฮอต
-
พรีวิวการแข่งขันระหว่าง ลิเวอร์พูล พบ บอร์นมัธ เอเอฟซี
-
พรีวิวฟุตบอล พรีเมียร์ลีก: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด vs อาร์เซน่อล
-
ยูฟ่าซูเปอร์คัพ - ปารีส 6-5 ท็อตแน่ม
-
พรีวิวฟุตบอล พรีเมียร์ลีก: วูล์ฟแฮมป์ตัน vs แมนเชสเตอร์ ซิตี้
-
วิเคราะห์บอล【โกปาลิเบร์ตาโดเรส】ลิเบอร์ตาด อาซันซิออง VS ริเวอร์เพลท
-
วิเคราะห์บอล【โกปาลิเบร์ตาโดเรส】ยูนิเวอร์ซิตาริโอ เด เดปอร์เตส VS พัลไมรัส