ยามาลให้สัมภาษณ์พิเศษ⭐️เราคือภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดของเรอัลมาดริด

ทีมชาติสเปนเตรียมทำศึกยูฟ่าเนชันส์ลีกรอบก่อนรองชนะเลิศกับเนเธอร์แลนด์ โดยสื่อดังแดนกระทิงดุ อย่าง "มุนโด เดปอร์ติโบ" ได้สัมภาษณ์กับ ลามีน ยามาล นักเตะดาวรุ่งจากบาร์เซโลน่า ที่กำลังเก็บตัวฝึกซ้อมกับทีมชาติ ซึ่งเขาได้พูดถึงหลายประเด็น ทั้งเรื่องทีมชาติ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก และชีวิตส่วนตัว

ต่อไปนี้เป็นบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม

รู้สึกอย่างไรกับการกลับมาติดทีมชาติอีกครั้งในรอบ 4 เดือน

"มันเยี่ยมมาก บรรยากาศในทีมเหมือนครอบครัว ทุกคนต้อนรับผมอย่างดี ผมดีใจมากที่ได้เจอเพื่อนร่วมทีมอีกครั้ง สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือสนุกกับเกม"

เสียใจไหมที่ กาซาโด เพื่อนร่วมทีมที่ติดทีมชาติครั้งแรกเหมือนกันได้รับบาดเจ็บ

"หลังจากเกมกับ แอตเลติโก มาดริด ผมถามเขาว่าจะไปเข้าแคมป์เมื่อไหร่ เขาบอกว่าต้องไปทำ MRI เข่าก่อน เมื่อวาน (วันจันทร์) ผมได้คุยกับเขา ส่งข้อความไปให้กำลังใจให้เขาหายเร็วๆ ผมจะไปเยี่ยมเขาเมื่อเขากลับมา ผมรักเขามาก และหวังว่าเขาจะกลับมาได้เร็วๆ"

การขาดของเขาเป็นความเสียหายครั้งใหญ่สำหรับทีมในการเจอกับเนเธอร์แลนด์ทั้งสองนัด 

"เขาทำผลงานได้ดีมากในฤดูกาลนี้ ในฐานะนักเตะที่เพิ่งลงเล่นในลีกสูงสุดเป็นครั้งแรก ฝีเท้าและการทำแอสซิสต์ของเขามันโดดเด่นมาก ผมดีใจกับเขาด้วย"


คุณรับมือกับบทบาทการเป็นนักเตะคนสำคัญของทั้งทีมชาติสเปนและบาร์เซโลน่าได้อย่างไร

"ผมแค่พยายามสนุกกับเกม ไม่ได้คิดถึงเรื่องตำแหน่งหรืออะไรพวกนั้น ฟุตบอลคือสิ่งที่ผมทำได้ดีที่สุด ผมแค่อยากเล่นให้มีความสุขก็พอ"

เดลา-ฟูเอนเต้กับฟลิคเตือนให้คุณถ่อมตัวบ่อยไหม

"เตือนบ่อยมาก จนผมจำขึ้นใจแล้ว ถ้าคิดว่าตัวเองเก่งที่สุด มันจะทำร้ายตัวเองเปล่าๆ สนุกกับฟุตบอล โฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า นั่นแหละคือทางที่ถูกต้อง"

เวลาโดนเปลี่ยนตัวออกก็มักจะเห็นสีหน้าผิดหวัง

"มันก็แสดงให้เห็นว่าทุกคนอยากลงเล่นทั้งนั้นแหละ ตอนโดนเปลี่ยนตัวออกมันก็หงุดหงิดเป็นเรื่องธรรมดา แต่พอเดินไปถึงม้านั่งสำรองก็จะคิดได้ เพื่อนร่วมทีมที่ลงไปแทนก็จะพยายามอย่างเต็มที่เหมือนกันกับตอนที่เราอยู่ในสนาม"

การกลับไปชุมชนร็อคกาฟุนด้าของคุณครั้งล่าสุด ยิ่งใหญ่มาก (ถึงขั้นมีโดรนเลย) น่าทึ่งมาก

"มันรู้สึกดีมากๆ เลย! การกลับไปที่ชุมชนมันเหมือนกับการได้กลับบ้าน ทุกคนดีกับผม เราดูแลกันและกัน ทุกครั้งที่กลับไปมันมีความสุขมากๆ"

รู้ตัวไหมว่าคุณเป็นไอดอลของเด็กๆ มากมาย

"เวลาที่เห็นเด็กๆ ใส่เสื้อของผม หรือแม้แต่เวลาที่ออกไปข้างนอกแบบไม่ให้ใครรู้แล้วเจอกับพวกเขา มันทำให้ผมมีความสุขมากๆ นี่คือสิ่งที่ผมฝันมาตลอด ผมมักจะบอกกับแม่เสมอว่า 'ผมไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเจออะไรอยู่ แต่ผมสนุกกับมันมากๆ เลย'"

แม้แต่ทรงผมของคุณก็ยังมีคนเลียนแบบ

"ใช่! หมอฟันยังบอกผมเลยว่า เด็กๆ แห่กันไปดัดฟัน เพราะเห็นผมใส่เหล็กดัดฟัน นี่แหละคืออิทธิพลของฟุตบอล เด็กๆ อยากเป็นเหมือนไอดอลของพวกเขา และผมก็มีความสุขที่ได้เป็นแบบอย่าง"

ช่วงเก็บตัวทีมชาติ คุณจัดการเรื่องเดือนรอมฎอนยังไง

"ก็เหมือนกับตอนอยู่ที่บาร์ซ่า ต่างกันตรงที่กิจกรรมที่นี่มันเป็นกลุ่มมากกว่า ผมจะตื่นตอนตี 4 เพื่อดื่มน้ำ แล้วหลังจากนั้นก็จะใช้ชีวิตตามปกติเหมือนกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ (ยกเว้นเวลาทานอาหาร) ตอนนี้ร่างกายและจิตใจผมพร้อมเต็มที่"

วันพฤหัสฯ นี้จะเจอกับทีมเนเธอร์แลนด์ที่นำโดยแฟรงกี เดอ ยอง

"ไม่รู้ว่าสภาพร่างกายเขาเป็นยังไงบ้างแล้ว (ก่อนหน้านี้มีอาการป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร) ตอนที่รู้ว่าจะต้องเจอกับฮอลแลนด์ พวกเราก็คุยกันเรื่องนี้แล้ว ผมได้อวยพรให้เขาโชคดี และตั้งตารอที่จะได้ดวลกับเขา เขาเป็นนักเตะระดับท็อป และพวกเราก็อยากจะเจอกับเขา"

ความเข้าขากับนักเตะรุ่นเก๋าอย่างเลวานดอฟสกี้ ดีกว่าเดิมไหม

"แน่นอนว่าพวกเราสนิทกันมากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป ทีมเวิร์คมันก็ต้องดีขึ้นเป็นธรรมดา ปีนี้มีแค่ ออร์โม คนเดียวที่เป็นสมาชิกใหม่จากทีมที่ได้แชมป์ยูโร ส่วนใหญ่พวกเราเป็นนักเตะสเปน มันเหมือนกับครอบครัวใหญ่ การฉลองหลังจากเกมกับ แอตเลติโก มาดริด และ เบนฟิก้า มันก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ พวกเรายินดีกับความสำเร็จของกันและกัน นี่แหละคือหัวใจสำคัญของการทำงานเป็นทีม"


ใครเหมาะสมกับรางวัลบัลลงดอร์มากกว่ากัน ระหว่างราฟินญ่ากับคุณ

"(หัวเราะ) พวกเราไม่ได้คุยกันเรื่องนี้เลย ถ้าบาร์ซ่าได้แชมป์ทุกรายการที่เหลือ ก็จะมีใครสักคนได้รางวัลเองนั่นแหละ ผมดีใจกับ ราฟินญ่า นะ ผมบอกเขาเสมอว่าการเปลี่ยนแปลงของเขามันเหลือเชื่อมาก เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ บัลลงดอร์ ไม่ใช่สิ่งที่ผมสนใจ"

เคล็ดลับความสำเร็จของฟลิคคืออะไร

"เขาทำให้พวกเราจำไว้เสมอว่า ต้องเล่นให้เต็มที่ ต้องสู้เพื่อกันและกัน สู้เพื่อเสื้อ สู้เพื่อเพื่อนร่วมทีม สู้เพื่อแฟนบอล และสู้เพื่อครอบครัว ต้องมีความกระหายในชัยชนะอยู่เสมอ"

เขาดูเป็นกันเองมาก

"เขาเป็นคนที่เข้าถึงง่ายมากๆ ใส่ใจนักเตะทุกคน อธิบายรายละเอียดว่าต้องปรับปรุงตรงไหนบ้าง พวกเราซาบซึ้งในเรื่องนี้มากๆ"

คุณเคยถูกลงโทษในทีมเพราะมาสายเหมือนกุนเด้ไหม

"โชคดีที่ผมไม่เคยมาสายเลย โค้ช ฟลิค รู้วิธีที่จะทำให้ทุกคนเคารพ"

จะสื่อสารกับเขา (ฟลิค) ยังไง

"ก็คุยกันเป็นภาษาอังกฤษ แต่ตอนนี้เขาก็พูดภาษาสเปนได้บ้างแล้ว ผมกับเขาคุยกันเป็นภาษาอังกฤษเป็นหลัก"

รู้สึกยังไงกับการเปลี่ยนจากชีวิตในศูนย์ฝึกเยาวชนมาอยู่เอง

"ตอนนี้ชีวิตมันสงบขึ้นเยอะ สมัยอยู่ที่ ลา มาเซีย มันจะมีคนมารออยู่ข้างนอกเยอะแยะไปหมด มันยากที่จะใช้ชีวิตอย่างอิสระ ตอนนี้ผมสามารถไปเยี่ยมพ่อแม่ได้ตลอดเวลา มีอิสระมากขึ้น แต่การจัดการของ ลา มาเซีย มันก็จำเป็นนะ ถ้ามีโอกาส ผมก็จะกลับไปเยี่ยมเพื่อนๆ พวกเราสนิทกันมาก"

การมีวินัยในตัวเองสำคัญไหม เมื่อต้องเผชิญกับสิ่งล่อใจที่เด็กอายุ 17 ปีหลีกเลี่ยงไม่ได้

"ต้องจำไว้เสมอว่าเราเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ต้องควบคุมตัวเอง ไม่มีใครห่วงใยอนาคตของคุณมากไปกว่าตัวคุณเองอีกแล้ว ต้องคิดถึงเสมอว่าพรุ่งนี้ยังมีซ้อมหรือมีแข่ง ต้องมีสมาธิ"

ยังติดตามการฝึกเยาวชนของบาร์ซ่าอยู่ไหม เช่น การที่ทีมเยาวชนเอชนะถ้วยโกปาเดลเรย์

"ผมยังติดต่อกับเพื่อนๆ อยู่เสมอ อย่างเช่น เบร อัน-ฟารินาส ก่อนเกมกับ แอตเลติโก มาดริด ตอนกินข้าวเย็น พวกเรายังเปิดดูถ่ายทอดสดนัดชิงฯ เลย ถ้ามีเวลาผมก็จะตามดูพวกเกมระดับเยาวชนนะ เกมระดับนี้มันมีการแข่งขันกันสูงกว่า ไม่เหมือนกับพวกทีมเด็กเล็กๆ ที่มักจะมีผลการแข่งขันที่ขาดลอย พวกเราได้สนุกกับการดูบอลกับเพื่อนๆ"


วันอาทิตย์คุณเคยพูดว่า ‘เก็บประตูไว้สำหรับเกมสำคัญ’ คุณยังยืนยันแบบนั้นอยู่ไหม

"ทุกเกมมันสำคัญหมดแหละ แต่คนมักจะชอบพูดถึงผลงานในเกมใหญ่ๆ อย่างแชมเปียนส์ลีก เกมกับแอตเลติโกมาดริดหรือเรอัลมาดริด มากกว่า ซึ่งผมก็ทำได้ดีในเกมเหล่านั้นจริงๆ"

มีคนเคยตั้งคำถามถึงความสามารถในการทำคะแนนของคุณ

"ถ้าไม่ใช่ว่าผมฟอร์มตก พวกเขาก็ต้องหาเรื่องอื่นมาวิจารณ์อยู่ดี คราวหน้าก็คงจะวิจารณ์ว่าผมไม่จ่ายบอลแล้วมั้ง ผมชินแล้ว"

การแอสซิสต์กับการทำประตูให้ความสุขเหมือนกันไหม

"มันก็ขึ้นอยู่กับว่าจ่ายบอลแบบไหน ถ้าจ่ายบอลแบบสุดสวยให้เพื่อนหลุดไปยิงเดี่ยวๆ ได้ ผมก็จะรู้สึกดีใจนะ แต่มันก็ไม่เหมือนกับตอนที่ยิงประตูได้เองอยู่ดี ไม่ว่ายังไง ถ้ามันเป็นผลดีต่อทีม ผมก็มีความสุขหมดแหละ ไม่ว่าจะจ่ายบอลหรือยิงประตูเอง"

ฤดูกาลที่แล้วคุณล้มบ่อยหรือดูเหมือนแกล้งล้ม ฤดูกาลนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลง

"มันเป็นการพัฒนาตามธรรมชาติของร่างกายที่โตขึ้น พอโตขึ้น กล้ามเนื้อช่วงบนและช่วงล่างมันก็แข็งแรงขึ้น มันเห็นได้ชัดเลย เมื่อปีที่แล้วผมไม่สามารถเลี้ยงบอลผ่านกองหลัง 3 คนไปได้ ตอนนี้ผมสามารถยิงไกลจากกลางสนามได้เลย นี่มันเป็นผลมาจากการฝึกซ้อมอย่างหนัก ตอนนี้ทีมเราเน้นการโต้กลับ มันต้องใช้พลังงานเยอะมากเพื่อที่จะวิ่งขึ้นวิ่งลงตลอดเวลา"

ตอนนี้คุณแทบจะไม่ล้มแบบโอเวอร์แอ็คติ้งเหมือนเมสซี่หรืออินเนียสต้าเลย ซึ่งแตกต่างจากวินิซิอุสอย่างชัดเจน

"ปฏิกิริยาของแต่ละคนต่อการปะทะมันไม่เหมือนกัน ถ้าโดนทำฟาวล์ แต่โดนตัดสินว่าพุ่งล้ม กรรมการก็ควรจะดูที่ความเร็วของคุณด้วย ในเรื่องนี้ผมไม่ได้มีใครเป็นแบบอย่าง โดนทำฟาวล์ก็ล้ม ถ้าฝืนได้ก็ฝืนต่อไป"

ถึงตอนนี้ของฤดูกาล คุณรู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสที่จะได้แชมป์ใหญ่บ้างไหม

"ผมรู้สึกแบบนั้นมาตั้งแต่ตอนที่เราตกรอบ แชมเปียนส์ลีก กับ ปารีส เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ตอนนี้พวกเราเหมือนทีมที่จะเป็นแชมป์มากขึ้นเรื่อยๆ ในปีที่แล้ว ถ้าเป็นเกมยากๆ อย่างเจอกับ แอตเลติโก มาดริด หรือ เบนฟิก้า พวกเราอาจจะเอาชนะไม่ได้ แต่ฤดูกาลนี้พวกเราทำได้แล้ว ทีมนี้มีความกระหายที่จะชนะมากกว่าเดิม"

คุณอยากจะพูดอะไรกับแฟนบาร์ซ่าที่ไม่กล้าคิดถึงการเจอกับเรอัลมาดริดในรอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก

"ทำไมถึงไม่กล้าคิดล่ะ? ไม่เห็นจะต้องกลัวใครเลย ผมเคยบอกว่า ลิเวอร์พูล เป็นทีมเต็งที่จะได้แชมป์ แชมเปียนส์ลีก เพราะพวกเขาได้อันดับ 1 ในลีก แต่สุดท้ายพวกเราก็ไล่ตามมาทัน ผมไม่กลัวทีมไหนทั้งนั้น พวกเราน่าจะเป็นทีมที่อันตรายที่สุดสำหรับ เรอัล มาดริด และพวกเขาก็น่าจะคิดแบบเดียวกัน"

สรุปว่าคุณคิดว่าบาร์ซ่าเป็นทีมเต็งแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกจริง ๆ ใช่ไหม

"ถ้าคิดว่าตัวเองไม่ใช่ตัวเต็ง ก็เหมือนกับแพ้ไปแล้วครึ่งหนึ่งตั้งแต่ยังไม่ได้ลงเล่น คุณต้องเชื่อมั่นว่าทีมของคุณแข็งแกร่งที่สุด เล่นได้ดีที่สุด และมีโอกาสชนะมากที่สุด"