เอ็มบัปเป้ให้สัมภาษณ์พิเศษ⭐️ ฟุตบอลโลกปี 2026 คือเป้าหมายเดียวของผม

ความสัมพันธ์กับเดส์ชองส์มีรอยร้าวหรือไม่
เอ็มบัปเป้: “ไม่มีแน่นอน! ถ้าความสัมพันธ์ของเราแตกหัก ผมคงไม่รับโทรศัพท์เขา คนที่รู้จักผมรู้ดีว่า ถ้าผมตัดขาดกับใคร ผมจะไม่ติดต่อ และจะไม่เสแสร้ง แต่ไม่ได้หมายความว่าการทำงานร่วมกันจะไม่มีความขัดแย้งเลย แม้ว่าผมจะพยายามหลีกเลี่ยง แต่ความเห็นที่ไม่ตรงกันก็อาจเกิดขึ้นได้ ผมต้องเน้นย้ำว่า ด้วยการอบรมสั่งสอนของผม ผมเคารพและให้เกียรติเดส์ชองส์เสมอ เขาเป็นโค้ชคนเดียวในทีมชาติของผม เป็นคนที่ให้โอกาสผมได้ลงเล่นทีมชาติครั้งแรก เราได้ร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ ความสัมพันธ์นี้จะไม่ถูกปฏิเสธเพราะความขัดแย้งเล็กน้อยสองสามครั้ง
ความขัดแย้งกับเดส์ชองส์คืออะไร
เอ็มบัปเป้: "มันไม่ใช่ความลับอะไร แต่มันก็เป็นเรื่องที่เราไม่จำเป็นต้องเอามาเปิดเผยให้คนอื่นรู้ มันเป็นเรื่องปกติที่เพื่อนร่วมงานจะมีความเห็นไม่ตรงกันบ้าง ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว ไม่ได้แปลว่าเราไม่เคารพกัน"
การกลับมาติดทีมชาติมีความหมายยังไง
เอ็มบัปเป้: "การได้ใส่เสื้อทีมชาติฝรั่งเศสมันเป็นเกียรติเสมอ ปีนี้เป็นจุดเริ่มต้นใหม่ เราจะเริ่มต้นด้วยทัวร์นาเมนต์ระดับสูง ตั้งเป้าไปที่รอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก และเตรียมความพร้อมสำหรับฟุตบอลโลก 2026 นี่คือความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของทั้งทีม"
คิดถึงทีมชาติไหม
เอ็มบัปเป้: "แน่นอน! ผมดีใจมากที่ได้กลับมา ทุกคนรู้ว่าทีมนี้มีความหมายกับผมมากแค่ไหน ผมกลับมาพร้อมกับความมุ่งมั่นเหมือนเดิม พร้อมที่จะทุ่มเทเพื่อชัยชนะของฝรั่งเศส"
ตอบสนองต่อข้อสงสัยภายนอกเกี่ยวกับความภักดีต่อทีมชาติของคุณ
เอ็มบัปเป้: "ผมไม่คิดว่ามีใครสงสัยในความจงรักภักดีของผมนะ ถึงมันจะมีประเด็นให้พูดถึงบ้าง แต่ก็อย่างที่รู้กัน อะไรนิดอะไรหน่อยก็เป็นข่าวได้หมด"
จะนิยามความภักดีต่อทีมชาติอย่างไร
เอ็มบัปเป้: "สำหรับผม เสื้อทีมชาติมันไม่ใช่แค่เรื่องของทีม แต่มันคือสัญลักษณ์ของประเทศ ผมตีความมันด้วยคุณค่าและความรักชาติที่อยู่ในใจของผม ฟุตบอลคือสิ่งที่ผมรักที่สุดในชีวิต มันทำให้ภารกิจนี้มีความหมายเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเวลาที่ได้ยืนอยู่บนเวทีระดับโลกอย่างฟุตบอลโลก หรือ ยูโร การถูกเรียกตัวติดทีมชาติมันสำคัญที่สุดเสมอ บางทีคนทั่วไปอาจจะต้องทำความเข้าใจเรื่องนี้ซ้ำๆ แต่มันเป็นสิ่งที่อยู่ในสายเลือดของนักฟุตบอลอาชีพทุกคน"
ทำไมไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องทีมชาติ
เอ็มบัปเป้: "มันไม่ใช่หน้าที่ของนักเตะอยู่แล้ว ในวงการฟุตบอลมันมีธรรมเนียมปฏิบัติกันอยู่แล้วว่า เรื่องอาการบาดเจ็บเป็นหน้าที่ของสโมสรและทีมแพทย์ ส่วนเรื่องแท็คติกเป็นหน้าที่ของโค้ช เมื่อมันเป็นเรื่องของการสื่อสารระหว่างผมกับโค้ช มันก็ควรจะเป็นโค้ชทีมชาติที่เป็นคนพูด ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคนถึงคาดหวังให้ผมทำในสิ่งที่มันผิดปกติ"
ช่วงต้นฤดูกาลที่ฟอร์มตก เคยคิดจะเลิกเล่นเลยไหม
เอ็มบัปเป้: "ไม่เลย ไม่เคยมีความคิดแบบนั้นเลยสักครั้ง ในวงการฟุตบอลมันไม่มีใครเก่งได้ตลอดหรอก นักเตะที่เก่งแค่ไหนก็ต้องมีช่วงที่ฟอร์มไม่ดีบ้าง สิ่งสำคัญคือเราจะกลับมาได้ยังไงด้วยการซ้อมให้หนักกว่าเดิม ผมก็กลับมาได้เร็วกว่าที่หลายคนคิดนะ แต่สิ่งที่ยากกว่าคือการรักษาฟอร์มนั้นไว้ให้ได้นานๆ มากกว่า นั่นแหละคือสิ่งที่ใช้วัดความเก่งที่แท้จริงของเรา"
มองช่วงเวลาที่ยากลำบากในอาชีพค้าแข้งเป็นอย่างไร
เอ็มบัปเป้: "นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเจอปัญหา แต่มันไม่เหมือนเดิมตรงที่ตอนนี้คนคาดหวังในตัวผมสูงกว่าเมื่อก่อนเยอะ เมื่อก่อนตอนที่ผมเจอปัญหาแทบจะไม่มีใครสนใจเลย เพราะตอนนั้นผมยังไม่ได้อยู่ในจุดนี้ ต้องยอมรับว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปคือสายตาของคนรอบข้าง ไม่ใช่ตัวผม แม้ว่าช่วงปรับตัวมันจะยากเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน"
สาเหตุลึกๆ ของฟอร์มตก
เอ็มบัปเป้: "มันมีหลายอย่างรวมๆ กัน ทั้งผลงานที่ไม่ดีในยูโร หรือการที่ผมค่อยๆ หลุดจากตัวจริงในทีมปารีส ทั้งอาการบาดเจ็บ ทั้งฟอร์มที่ไม่เข้าที่ สิ่งเหล่านี้มันทำให้ผมต้องกลับมาคิดทบทวนตัวเองใหม่ทั้งหมด แล้วพยายามกลับไปเป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุดให้ได้"
จุดเปลี่ยนสำคัญของการกลับมา
เอ็มบัปเป้: "มันยากที่จะบอกว่ามีจุดเปลี่ยนที่ชัดเจน มันค่อยๆ ดีขึ้นทีละนิดๆ มากกว่า ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม ผมเริ่มรู้สึกถึงเกมอีกครั้ง เริ่มยิงประตูได้ ตัดสินใจดีขึ้น เลี้ยงบอลได้น่ากลัวกว่าเดิม ทุกอย่างในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมามันพิสูจน์แล้วว่าผมกลับมาถูกทางแล้ว"
เดชองส์ลาออกจากตำแหน่ง
เอ็มบัปเป้: "เขาไม่เคยพูดอะไรแบบนั้นกับผมนะ เรื่องนั้นมันเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเขา ผมเคารพการตัดสินใจนั้น เหมือนกับเวลาที่ผมต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญ ผมก็ไม่ชอบปรึกษาใครเหมือนกัน ผมสบายใจกับการที่เข้าใจกันแบบนี้มากกว่า"
ความเป็นไปได้ที่ซีดานจะเข้ารับตำแหน่ง
เอ็มบัปเป้: "ผมคงไม่ไปก้าวก่ายเรื่องการตัดสินใจเลือกโค้ชคนใหม่หรอกครับ คนทั้งโลกก็พูดถึง ซีดาน กันทั้งนั้น เราคงไม่ต้องทำเป็นไม่รู้เรื่องหรอกมั้ง สุดท้ายแล้วการตัดสินใจก็อยู่ที่ท่านประธานสมาคมฟุตบอลฝรั่งเศส (ฟิลิปป์ ดิยัลโล) น่ะแหละ รอติดตามกันต่อไปดีกว่า"
ซีดานเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมหรือไม่
เอ็มบัปเป้: "เขาก็คือ ซีดาน น่ะครับ! แต่ย้ำอีกทีว่ามันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ในสมาคมที่จะต้องคิดกัน ผมว่ารอดูเกณฑ์การตัดสินใจของเขากันดีกว่า"
การติดต่อส่วนตัวกับซีดาน
เอ็มบัปเป้: "ก็มีเจอกันบ้าง แต่เราก็พยายามรักษาระยะห่างกัน เพราะเจอกันแต่ละทีก็เป็นข่าวใหญ่โตทุกที แต่การได้คุยกับตำนานแบบนั้นมันก็เป็นเรื่องดีๆ เสมอ"
ข่าวลือเรื่องความขัดแย้งกับกรีซมันน์
เอ็มบัปเป้: "ความสัมพันธ์ของผมกับเขามันยังเหมือนเดิมนะ ลูกชายของ อองตวน (กรีซมันน์) ชื่อ อามาร์ เขาชอบฟุตบอลมากๆ เวลาเห็นเขาก็เหมือนเห็นตัวเองตอนเด็กๆ แต่มันก็อาจจะมีเรื่องที่เข้าใจยากบ้างสำหรับคนที่ไม่เคยอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน คือการที่เราอยู่คนละฝั่งของทีมคู่ปรับร่วมเมือง แต่เชื่อผมเถอะว่าเรายังสนิทกันดี เขายังชวนผมไปกินบาร์บีคิวที่บ้านอยู่เลย แม้ว่าก่อนเกมมาดริดดาร์บี้มันอาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่ แต่ในเมื่อบ้านเราอยู่ใกล้กันแค่นี้ ยังไงก็ต้องมีโอกาสได้เจอกันแน่นอน"
กรีซมันน์ลาออกจากทีมชาติ
เอ็มบัปเป้: "เราคุยกันเรื่องนี้แบบเปิดอกเลยนะ ก่อนที่เขาจะประกาศ ผมก็รู้เรื่องที่เขาคิดจะทำแล้ว และผมก็เคารพการตัดสินใจของเขา ช่วงที่เก็บตัวทีมชาติในเดือนกันยายน เราต่างก็เจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบากด้วยกันทั้งคู่ หลังจากเกมที่เราชนะเบลเยียม 2-0 พวกเราก็นั่งเครื่องบินกลับมาที่มาดริดด้วยกัน ผมเห็นเขากอดกับครอบครัว... ผมคงไม่สะดวกที่จะพูดอะไรมากไปกว่านี้ แต่ตอนที่เขาประกาศเลิกเล่น ผมก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรเลย"
แผนการส่วนตัว
เอ็มบัปเป้: "ฟุตบอลโลก 2026 คือเป้าหมายเดียวของผม ความอยากที่จะคว้าแชมป์โลกอีกครั้งมันยังแรงกล้าอยู่เสมอ เรื่องอื่นๆ ผมไม่ได้สนใจเลย การฝึกซ้อมและการทุ่มเทของผม มันมีเป้าหมายเดียวคือการสร้างตำนานบทใหม่ที่อเมริกา"
สถานะกัปตันทีม
เอ็มบัปเป้: "ทำไมถึงมีแต่คนถามผมเรื่องนี้ซ้ำๆ อยู่เรื่อยเลย ผมได้รับมอบหมายให้เป็นกัปตันทีม ผมแบกรับความรับผิดชอบ และผมก็พยายามทำให้ดีที่สุด แต่มันก็ทำให้ผมงงเหมือนกันนะ คือการที่ผมเล่นให้ทีมชาติมา 8 ปี เรื่องกัปตันทีมมันไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย แต่ทำไมตอนนี้มันถึงกลายเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ตอนที่ ยอริส ไม่ได้ลงเล่นก็ไม่มีใครสนใจเรื่องรองกัปตันทีมเลย ตอนนี้แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ก็ยังเอามาพูดกัน ผมอาจจะดูเหมือนคนที่ไม่ค่อยฉลาดในสายตาของคนทั่วไป แต่ผมบอกตามตรงเลยว่าผมไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้ ผมหวังว่าจะมีใครสักคนช่วยอธิบายให้ผมฟังได้นะ แต่ก็นั่นแหละ บางเรื่องเก็บไว้ในใจก็ดีกว่า"
มุ่งมั่นที่จะเป็นกัปตันทีมที่ยอดเยี่ยมหรือไม่
เอ็มบัปเป้: "ผมพยายามอยู่ตลอด พยายามมาเสมอ... แต่ขอถามกลับหน่อยแล้วกัน เกณฑ์ที่ใช้ตัดสินว่าใครเป็นกัปตันทีมที่ดีมันคืออะไร? วาราน, ยอริส, กรีซมันน์, ป็อกบา... กัปตันทีมที่ผมเคยร่วมงานด้วยมาแต่ละคนก็มีสไตล์ที่ต่างกันออกไป วิธีการนำของผมมันก็ไม่เหมือนพวกเขา ถ้ามันมีมาตรฐานอะไรบางอย่างที่ใช้กัน ผมก็อยากให้ใครสักคนมาอธิบายให้ฟังหน่อยจริงๆ"
แชมเปียนส์ลีกจะเจอกับปารีสหรือไม่
เอ็มบัปเป้: "ถ้าคิดถึงเรื่องนั้นตอนนี้มันก็เหมือนกับเอาชีวิตไปแขวนบนเส้นด้าย ปีที่แล้วใครๆ ก็คิดว่า ปารีส กับ เรอัล มาดริด จะได้เจอกันในรอบชิงฯ สุดท้ายพวกเราก็ตกรอบกันไปก่อน ภาพนั้นมันยังติดตาอยู่เลย ตอนนี้ผมขอโฟกัสไปที่ อาร์เซนอล คู่แข่งในรอบ 8 ทีม และความพยายามของ เรอัล มาดริด ในการคว้าทริปเปิลแชมป์ก่อนดีกว่า เรื่องการคาดเดามันเป็นหน้าที่ของสื่อและแฟนบอล ในฐานะนักเตะอาชีพ เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมโดยที่ไม่วอกแวก"
ปารีสแข็งแกร่งขึ้นเมื่อไม่มีเอ็มบัปเป้
เอ็มบัปเป้: "ไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องไปสนใจหรอก ถึงผมจะดูเกมของ ปารีส บ้าง แล้วก็ขอให้ทีมเก่าของผมโชคดี แต่ตอนนี้พลังทั้งหมดของผมมันอยู่ที่การสร้างประวัติศาสตร์กับ เรอัล มาดริด มากกว่า ถ้าผมสามารถคว้าทริปเปิลแชมป์ได้ในฤดูกาลแรกแบบที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน มันจะเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากๆ ทุ่มเท 150% นั่นคือสิ่งที่ผมให้กับทีม"
การเปลี่ยนแปลงของเดมเบเล่
เอ็มบัปเป้: "ผมคุยกับ เดมเบเล่ ตลอด เราคุยกันแทบทุกวัน การได้เห็นเขากลับมาเก่งแบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกดีมากๆ เพราะผมเห็นมาตลอดว่าเขาโดนว่าโดนแซวอะไรมาบ้าง ตั้งแต่ผมรู้จักเขาตอน 14 ผมก็เป็นคนที่เชียร์เขามาตลอด แม้แต่ตอนที่เขายิงประตูไม่ได้เลย ผมก็ยังเชื่อว่าเขาเป็นนักเตะระดับโลก เรื่องที่ผมพูดแบบนี้อาจจะเป็นเพราะความเป็นเพื่อนกัน แต่ผมว่าผลงานในสนามมันก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดีที่สุดแล้ว การที่นักเตะมาพีคตอนอายุ 27 มันเป็นเรื่องปกติ เส้นทางของนักเตะแต่ละคนมันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เดมเบเล่กำลังเข้าสู่ช่วงเวลาที่ดีที่สุด และผมก็หวังว่าจะได้เล่นกับเขาในฟุตบอลโลก 2026 แล้วพาทีมชาติฝรั่งเศสไปติดดาวเพิ่มได้อีก!"
เกณฑ์การคัดเลือกรางวัลบัลลงดอร์
เอ็มบัปเป้: "นักเตะแบบไหนถึงจะเหมาะสมกับรางวัลบัลลงดอร์? อย่างเช่น โรดรี้ พวกคุณคิดว่าเขาเหมาะสมไหม? ผมเคยทายว่า วินิซิอุส จะได้รางวัล แต่สุดท้ายกลายเป็น โรดรี้ ซะงั้น ถ้าผมพูดแบบนี้เมื่อ 3 เดือนก่อน ทุกคนคงคิดว่าผมบ้าไปแล้ว ตอนนี้ดูเหมือนว่าคนที่อาจจะมีสิทธิได้รางวัลมันกว้างขึ้นเยอะเลยนะ อาจจะมีใครก็ได้ แม้แต่ผู้รักษาประตูก็มีสิทธิ!"
จะจับมือกับนาสเซอร์ไหม
เอ็มบัปเป้: "แน่นอนสิ! ผมมีความทรงจำดีๆ มากมายกับปารีสในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยลืมว่าสโมสรส นับถือให้การสนับสนุนผมทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว ผมไม่ใช่คนขี้เหนียว เรื่องที่คิดว่าผมจะทำอะไรแย่ๆ กับเขา ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน"
ข้อพิพาท 55 ล้านยูโร
เอ็มบัปเป้: "เรื่องนั้นให้ทีมทนายจัดการไปแล้วครับ ผมเชื่อว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดี และมันจะไม่ส่งผลกระทบอะไรกับตัวผม"
โพสต์ฮอต
-
พรีวิวฟุตบอล ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2025: ยูเวนตุส vs แมนเชสเตอร์ ซิตี้
-
คริสตัล พาเลซ เล็ง ดิโอมานเด้ กองหลังตัวกลาง ค่าฉีกสัญญา 80 ล้านยูโร สปอร์ติ้งฯ ตั้งค่าตัว 60 ล้าน
-
พรีวิวฟุตบอล ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2025: วีแดด คาซาบลานก้า vs อัล ไอน์
-
พรีวิวฟุตบอล ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2025: โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ vs วุลซาน ฮุนได โฮรางอี
-
พรีวิวฟุตบอล ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2025: เอสเปรานซ์ เอสที vs เชลซี
-
ไมอามี vs พัลเมรัส: เมสซี วัย 38 ปี นำทัพ, เอสเตเวา วัย 18 ปี เตรียมลงสนาม