เก้าอี้อาถรรพณ์

เกือบปล่อยให้ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รอเก้อในรอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ เสียแล้วสำหรับคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากออกนำโคเวนทรี ทีมจากเดอะ แชมเปียนชิป ไปถึง 3–0 แต่สุดท้ายจบลงด้วยการชนะลูกจุดโทษ

ฮัลโหลลลล...มันคืออะไรครับเนี่ยกับฟอร์มการเล่นของแมนฯ ยูไนเต็ด ที่ถูกจารึกเอาไว้ว่าเป็นทีมที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษมากสุดถึง 20 สมัย แต่เกมเอฟเอ คัพ เมื่อคืนแทบจะไม่เหลือเค้าโครงของความเป็นยอดทีมแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว

ที่ผ่านมาแม้ว่าจะผิดฟอร์มแค่ไหนสาวก “เรด เดวิลส์” อย่างผมก็ยังปลอบใจตัวเองและหวังว่า เอริค เทน ฮาก กุนซือชาวดัตช์ จะหาแผนการเล่น และเรียกศักยภาพที่แท้จริงของ “ปิศาจแดง” ออกมา ให้ได้อีกครั้งเหมือนที่เคยทำเอาไว้ได้ในปีแรก

แต่จากฟอร์มของแมนฯ ยูไนเต็ด ในเกม รอบตัดเชือกเอฟเอ คัพ แล้วบอกเลยว่าที่จริงก็แทบ จะไม่ควรได้ทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศด้วยซ้ำไป

นำโคเวนทรี 3-0 ยิ่งคู่ต่อสู้เป็นทีมในลีก ที่ต่ำกว่ายิ่งควรจะปิดจ๊อบชนะ 4-0, 5-0 ผ่านเข้ารอบ ชิงชนะเลิศไปแบบสวยหรูดังพญาหงส์ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นต้องลุ้นเข้ารอบแบบหัวซุกหัวซุน

ยังโชคดีที่ในช่วงต่อเวลาพิเศษท้ายเกมที่ โคเวนทรี ส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายไปเป็นลูกล้ำหน้า เรียกได้ว่าล้ำไปเพียงไม่กี่มิลลิเมตรเท่านั้น มันช่วย ชีวิต “ปิศาจแดง” ได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปดเลยทีเดียว ก่อนสุดท้ายจะเป็นแข้งยูไนเต็ดที่นิ่งกว่าในการยิงจุดโทษเอาชนะไปได้ 4-2

ทำให้ “ปิศาจแดง” ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ไปเจอกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่ปรับร่วมเมืองในวันที่ 25 พ.ค.นี้ แต่บอกตรงๆ ถ้ายังเล่นสภาพนี้ก็มีแต่โดน “เรือใบสีฟ้า” ยำใหญ่ในรอบชิงดำแน่นอน

จากฟอร์มของแมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมนี้เชื่อว่า บอร์ดบริหารคงตัดสินใจอะไรได้บางอย่างหลังจบฤดูกาลนี้ และน่าจะออกมาตามข่าวลือที่เล็ดลอดออกมาบ่อยๆในช่วงหลังค่อนข้างจะแน่นอน

แต่อย่างไรก็ตามหาก “ปิศาจแดง” ตัดสินใจปลดเทน ฮาก จริงๆก็ต้องมาตามหาว่าใครจะเหมาะกับเก้าอี้กุนซือผีแดง ที่เรียกได้ว่าเป็น “เก้าอี้อาถรรพณ์” ก็ว่าได้

เพราะนับตั้งแต่ “เฟอร์กี้” เซอร์อเล็กซ์เฟอร์กูสัน ตำนานกุนซือชาวสกอต วางมือไปก็ไม่มีใคร อยู่ได้เกิน 3 ปีเลย นานสุดก็คือ โอเล กุนนาร์ โซลชา ที่อยู่ได้ 2 ปี กับอีก 11 เดือน

เอาเข้าจริงๆ “ปิศาจแดง” เป็นทีมใหญ่และต้องการความสำเร็จทันที โดยเฉพาะพรีเมียร์ลีก ที่ห่างหายไปนานกว่า 11 ปีแล้ว ซึ่งถือว่านานมากๆสำหรับทีมที่ยิ่งใหญ่มาอย่างยาวนานในช่วงทศวรรษที่ 19

ซึ่งระดับทีมอย่างแมนฯ ยูไนเต็ด ต้องเป็นกุนซือระดับท็อปเท่านั้น เพราะที่ผ่านมาใช้กุนซือ บารมีไม่ถึงมาหลายต่อหลายคนพังเกือบทั้งหมด ดูดีสุดก็คือ โจเซ มูรินโญ กุนซือชาวโปรตุเกส ที่คว้าแชมป์ยูโรปา ลีก มาครองได้

จนทำให้ในครั้งนี้ เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ หนึ่งใน เจ้าของสโมสรร่วม ต้องเฟ้นหากุนซือคนใหม่เป็นอย่างดีและก็มีข่าวหลุดออกมาว่าทางมหาเศรษฐีชาวอังกฤษ อยากได้แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือทีมชาติ อังกฤษ เป็นเต็ง 1 ที่จะเข้ามารับหน้าที่แทนเทน ฮาก และอีกคนที่อยากได้มากก็คือ ซีเนอดีน ซีดาน กุนซือชาวฝรั่งเศส ที่มีข่าวหลุดมาว่าเจ้าตัวต้องการหาความท้าทายกับฝีมือของตัวเอง

นอกจากนั้น ก็มีชื่ออีกหลายคน แต่ที่มีว่างงานแน่ๆ ก็คือ ชาบี เอร์นานเดซ ที่ประกาศวางมือกับบาร์เซโลนา และโธมัส ทูเคิล นายใหญ่บาเยิร์น ที่จะลา “เสือใต้” เช่นกัน

เรียกได้ว่าตำแหน่งกุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถือว่าเป็นของอาถรรพณ์จริงๆ ก็ต้องมารอดูว่ากุนซือคนไหนที่จะมาแก้อาถรรพณ์พา “ปิศาจแดง” กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง!!

โพสต์จาก thairathsport